รบ.จิตตกแน่!"เพื่อไทย"ปราศรัยวอนเลือก"สุรชาติ" เติม ส.ส.ขับไล่ "ประยุทธ์" ฟุ้งหากชนะ พรรคร่วมรบ.ถอนตัวแน่ ด้านชลน่าน ซัดรบ.โรคห่ากินปอด อหิวาห์กินหมู แต่ประยุทธ์กินคน ปูดค่าหัวซื้อเสียงสูงถึง 5,000 บาท วันที่ 14 ม.ค.2565 ที่บริเวณซอยพหลโยธิน 34 ย่านเสนานิคม 2 พรรคเพื่อไทย จัดเวทีปราศรัยช่วยนายสุรชาติ เทียนทอง ผู้สมัคร ส.ส.เขต 9 พรรคเพื่อไทยหาเสียง โดยมีแกนนำ คณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย เดินทางมาร่วมงานและช่วยปราศรัยจำนวนมาก อาทิ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ โฆษกพรรคเพื่อไทย และส.ส.กทม. นายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย นายจาตุรนต์ ฉายแสง โดยมีประชาชนในพื้นที่ให้ความสนใจมาร่วมฟังปราศรัยท่ามกลางมาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเข้มงวด มีการตรวจวัดอุณหภูมิก่อนเข้าร่วมฟังปราศรัยพร้อมจัดที่นั่งแบบเว้นระยะห่าง ตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข โดยนายสุทิน กล่าวปราศรัยเปิดเป็นคนแรก โดยได้ชูความเป็นฝ่ายค้านในสภาฯ ที่อยากให้ประชาชนช่วยเติมเสียง ให้นายสุรชาติ เข้าไปเป็นส.ส.ฝ่ายค้านเพิ่มอีกหนึ่งคน ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถล้มรัฐบาลได้จากการทำหน้าที่ในสภาฯ เพราะนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี ก็ไม่กล้ามาตอบกระทู้ถาม รวมถึงส.ส.ฝ่ายรัฐบาลในสภาที่ไม่มาร่วมประชุมจนทำให้องค์ประชุมล่ม นี่จึงเป็นจุดอ่อนของรัฐบาล ที่ฝ่ายค้านจะทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาล และเป็นการบอกรัฐบาลว่า ประชาชนไม่เอารัฐบาล และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อีกต่อไป อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้มีความสำคัญเป็นอย่างมาก หากฝ่ายประชาธิปไตยชนะ อาจส่งผลให้รัฐบาลและพล.อ.ประยุทธ์นั้นจิตตกได้ รวมไปถึงพรรคร่วมรัฐบาลจะถอนตัว ซึ่งเปรียบเหมือนเห็บกระโดดออกจากตัวสุนัข และจะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงในอนาคต ด้านน.ส.ธีรรัตน์ กล่าวว่าในช่วงที่ผ่านมา ประชาชนในเขตเผยว่า นายสุรชาติ ได้ลงพื้นที่เยียวยาความลำบากให้ประชาชนโดยตลอด ตั้งแต่เป็นส.ส.เมื่อปี2554 ถึงแม้หน้าที่หลักของ ส.ส. จะอยู่กับฝ่ายนิติบัญญัติเป็นหลัก แต่นายสุรชาติยังต้องลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนอยู่เสมอ ทุกครั้งที่มีเสียงเรียกร้องมา เพราะนั่นคือสำนึกของผู้แทน และมีหัวใจของประชาชน ในเมื่อการสนับสนุนจากภาครัฐขาดหาย จึงเป็นเหตุให้ ส.ส. คนหนึ่งต้องลงไปช่วยประชาชนในพื้นที่อย่างสุดความสามารถ ขณะที่นายสุรชาติ กล่าวถึงความเป็นตัวตนของตนในการลงสมัครเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ ว่า การเป็นส.ส.ของความฝันของตน เส้นทางชีวิตการเมือง17 ปีทุกครั้งที่แพ้ บอกตัวเองเสมอว่าเพราะยังเข้าถึงประชาชนไม่พอ และทุกครั้งที่ผิดหวังตนจะบอกกับตัวเองว่าสามารถทำได้ดีกว่านี้ ตนเคยทำความฝันให้เป็นจริงครั้งหนึ่งแล้วเมื่อปี2554 แต่มันสั้นเกิดไป และค้นหาคำตอบว่าส.ส.คืออะไร และเห็นแล้วว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่ใช่ตำแหน่งหน้าที่แต่คือจิตวิญญาณ ตนเชื่อว่าถ้าเราไม่ทิ้งประชาชน ประชาชนก็จะไม่ทิ้งเรา แม้ตนจะมีหรือไม่มีตำแหน่งก็จะอยู่รับใช้ประชาชนตลอดไป ตนเป็นคนหนึ่งที่ช่วยเหลือประชาชนมาทุกรูปแบบแต่ตนไม่เคยพูดว่าครั้งหน้าอย่าลืมเลือกตน เพราะตนอยากเป็นคนที่ประชาชนจะยอมรับด้วยหัวใจว่าเป็นส.ส.ที่แท้จริงของประชาชน ตนเก็บทุกความผิดหวังมาดูแลประชาชน วันนี้ตนไม่อยากผิดหวังแล้วและต้องชนะให้ได้ ไม่ใช่ชนะเพื่อตัวเองแต่ต้องชนะเพื่อศักดิ์ศรีของคนจตุจักรและชาวหลักสี่ให้ได้ ประเทศไทยไม่เคยขาดคนเก่ง แต่สิ่งที่ขาดคือคนที่คิดเป็น และพร้อมจะทุ่มเททำงานให้ประชาชนในทุกๆ วันของชีวิต ตนขอเป็นคนคนนั้น ด้านนพ.ชลน่าน กล่าวว่าพรรคเพื่อไทยภูมิใจที่ได้อดีตผู้สมัครมาเป็นส.ส.พรรคเพื่อไทยอีกครั้งพร้อมกล่าวว่ารัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลที่เจอวิกฤติแล้วแก้ไม่เป็น โรคห่ากินปอด อหิวาห์กินหมู แต่ประยุทธ์กินคน หมายความว่ารัฐบาลนี้เป็นห่า หากเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งครั้งนี้สามารถกำจัดรัฐบาลได้แน่นอน อย่าให้ไฟดับอย่าให้นับคะแนนช้า ขอประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตา ปี 62 มีประสบการณ์มาแล้ว “ส่วนเรื่องการซื้อเสียงในพื้นที่ ที่มีกระแสข่าวว่ามีค่าหัวสูงถึง3,000 -5,000 บาทต่อคน หากใครมาให้เงินสามารถรับได้แต่ต้องเก็บบัตรประชาชนไว้กับตัวเอง พร้อมย้ำว่าพรรคเพื่อไทยพร้อมกอบกู้วิกฤตแพงทั้งแผ่นดิน”นพ.ชลน่าน กล่าว