กลายเป็นประเด็นร้อน ขึ้นมาทันที เมื่อ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ประธานคณะก้าวหน้า ถูกถล่มหนักด้วยคำถามตัวโตๆว่าด้วยเรื่องการใช้ความเป็นอภิสิทธิ์ชนแอบไปฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา เข็มที่ 1 ทั้งที่เป็นวัคซีนที่ธนาธร เองเคยวิพากษ์วิจารณ์ และที่สำคัญยังโดนโจมตีว่าไปแย่งวัคซีน “คนแก่” คนสูงอายุฉีด เรื่องที่ไม่ควรจะเป็นเรื่องก็กลับกลายเป็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ พูดกันทั่วบ้านทั่วเมือง โดยเฉพาะฝ่ายที่ตั้งการ์ดยืนประจันหน้ากับธนาธร กับพรรคก้าวไกล ได้ปล่อยเอกสารมัดตัว ว่าธนาธร เข้ารับการฉีดวัคซีนแอสตรา ฯ เข็มที่ 1 ที่ไหน วันที่เท่าไหร่ เวลากี่โมง เพียงไม่กี่ชั่วโมง เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อใบรับรองการฉีดวัคซีนของ ธนาธร ถูกเผยแพร่ออกไป ระบุชัดเจนว่า ประธานคณะก้าวหน้าไปฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 แอสตราเซนเนกา ลอตที่ A10062 ซึ่งผลิตจากโรงงานสยามไบโอไซเอนซ์ เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2564 เวลา 19.15 น. ที่โรงพยาบาลพระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ ปรากฏว่าเกิดคำถามดังกระหึ่มว่า วัคซีนแอสตราฯ ลอตดังกล่าวผลิตจากโรงงาน บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด (SBS) ซึ่งเป็นบริษัท จากพระราชปณิธาน ร.9 รับถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนโควิด-19 ซึ่งก็เป็นโรงงานที่ธนาธร เองเคยไลฟ์สด โจมตีการบริหารจัดการวัคซีนของรัฐบาล และยังได้พาดพิงไปถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ในหัวข้อ “วัคซีนพระราชทาน ใครได้ ใครเสีย? เมื่อเดือน ม.ค.2564 จนส่งผลให้ธนาธร ถูก “พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์” ขณะเป็น รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เข้าแจ้งความดำเนินคดีเอาผิดในมาตรา 112 และความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เมื่อเรื่องร้อนถูกนับหนึ่ง การเปิดข้อมูล ข้อเท็จจริงจึงผุดขึ้นเป็นระลอกทั้งตัวบุคคล และในโลกโซเชียล กลายเป็นคลื่นที่โถมเข้าใส่ธนาธรทันที ยิ่งเมื่อเพจ “คนปากน้ำคุยอะไรกัน” โพสต์ภาพผู้สูงอายุที่นั่งรอรับการฉีดวัคซีน พร้อมระบุข้อความว่า “คนในพื้นที่รอฉีดมากมายไม่โทร.หา ไหนหลักฐานที่บอกว่ามีการเปิดให้ Walk in ตอนนั้น คนปากน้ำยืนยัน ได้ฉีดหลังธนาธร รอนาน-โดนเลื่อน ผอ.โรงพยาบาลให้ข้อมูลมัดตัวเอง จัดให้คนนอกจังหวัดได้ฉีดวัคซีนก่อนคนในพื้นที่ ไม่ปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุข” จากนั้น “ดร.นิว” ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา ซัดธนาธร ผ่านเฟซบุคส่วนตัวระบุตอนหนึ่งว่า “เขาเป็นแกนนำม็อบสามนิ้วในการด้อยค่าวัคซีนแอสตราเซนเนกา ซึ่งผลิตโดยบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ เพื่อบิดเบือนให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่สุดท้ายเขากลับหักหลังบรรดามวลชนสามนิ้วสมองนิ่ม ด้วยการแอบไปฉีดแอสตราเซนเนกาของบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์เสียเอง แถมยังเป็นการแย่งฉีดแอสตราเซนเนกากับผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปและผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรังอย่างน่ารังเกียจ” และยังทิ้งท้ายเอาไว้ว่าธนาธรทำเหมือนเป็น “VVIP” ขณะที่ “ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์” อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ได้โพสต์เอกสารรับรองการฉีดวัคซีนโควิด พร้อมระบุข้อความว่า "ไอ้ตี๋เอ๊ย ออกมาด้อยค่าวัคซีน โจมตีสถาบันและทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ แต่รีบไปฉีด AstraZeneca.และเป็นลอตที่ผลิตโดยสยามไบโอไซเอนซ์ด้วย ทำไมทำให้ประชาชนสับสน แต่ตัวเองไปขอฉีดก่อนประชาชน????" เมื่อกระแสโจมตีธนาธร เกิดขึ้นรวดเร็ว รุนแรง และมีแนวโน้มว่าจะส่งผลกระทบต่อ “ภาพใหญ่” ทั้งของตัวธนาธร เองไปจนถึงพรรคก้าวไกล ลุกลามบานปลายไปจนถึงการดึง “กลุ่มม็อบราษฎร” แนวร่วมของธนาธร กระตุกเตือนให้ฉุกคิดเรื่องของ “ความเท่าเทียม” ของผู้คนในสังคมต้องเสมอกัน รังเกียจศักดินา ต่อต้านอภิสิทธิ์ชน แต่กลับกลายเป็นว่า ธนาธรซึ่งเป็นเสมือน “หัวใจหลัก” ของพวกเขากลับกำลังทำในสิ่งที่ตรงข้ามกัน ขัดแย้ง สวนทางกับแนวคิด แนวทางเข้าอย่างจัง โดยเฉพาะการที่ธนาธร เองเคยวิจารณ์เรื่อง วัคซีนไม่มีคุณภาพ ดังนั้น เสียงวิจารณ์ การตั้งคำถามที่พุ่งเข้าใส่ธนาธร จึงกลายเป็น “จุดอ่อน” ที่ฝ่ายคณะก้าวหน้า ไม่อาจปล่อยให้เกมนี้ดำเนินไปอย่างยืดเยื้อ เพราะนอกจากตัวธนาธรเองที่ถูกสั่นคลอน ความเชื่อมั่นแล้ว ยังจะกลายเป็นเรื่องที่ทำลาย “แนวร่วม” อย่างม็อบราษฎร ให้ถอยห่าง และแล้วเมื่อวันที่ 11 ม.ค.65 ที่ผ่านมา ธนาธร ได้ใช้พื้นที่เฟซบุคส่วนตัวร่ายยาว ชี้แจงที่มาที่ไปของการเข้ารับวัคซีนแอสตราฯ ว่าตนเองพยายามอดทนอดกลั้นมาตลอดกับการถูกใส่ร้ายโดยกลุ่มคนที่สนับสนุนเครือข่ายเผด็จการอนุรักษ์นิยม พร้อมทั้งย้ำว่า ไม่ได้แย่งฉีดวัคซีนกับผู้สูงอายุ และจากนี้ไปจะใช้กฎหมายดำเนินคดี ฟ้องร้องคนที่ใส่ร้าย ทำให้เกิดความเสียหายอย่างแน่นอน “ ในครั้งนี้ พวกเขากล่าวหาว่าผมแย่งวัคซีนคนแก่ กล่าวหาว่าผมด้อยค่าวัคซีนแต่กลับไปฉีดเสียเอง นำหลักฐานผิดฝาผิดตัว มาผูกเรื่องราวให้ประชาชนเข้าใจว่าผมใช้อำนาจบาตรใหญ่แซงคิวประชาชน พวกเขาร่วมมือกับรัฐบาลเผด็จการ นำข้อมูลส่วนบุคคลของผม ออกมาเปิดเผยในที่สาธารณะเพื่อสร้างเรื่องหลอกลวงเหล่านี้” ต้องยอมรับว่าการที่ธนาธร ถูกถล่มด้วยเอกสารรับรองการฉีดวัคซีน ครั้งนี้ย่อมเกิดแรงเหวี่ยง และเกิดแรงเสียดทานไม่น้อย เพราะอย่าลืมว่า เมื่อธนาธรซึ่งเป็นเนื้อเดียวกับ พรรคก้าวไกล พรรคการเมืองเจนเนอเรชั่นที่ 2 ภาคต่อจาก “พรรคอนาคตใหม่” ต่างเชิดชูความเท่าเทียม ต่อต้านทุกความเหลื่อมล้ำในสังคม จนไปถึงขั้นเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันฯ ทั้งผ่านเวทีรัฐสภา ไปจนถึงการประสานแนวคิดกับม็อบราษฎร ที่วันนี้บรรดาแกนนำม็อบต่างพากันก้มหน้าสู้คดีความอยู่ในเรือนจำกันเป็นทิวแถว ล้วนแล้วแต่เป็นแง่มุมที่เปราะบาง แต่กลับมีพลัง มีน้ำหนัก มากพอที่จะกระทบอุดมการณ์ของทั้งธนาธรและพรรคการเมืองในสังกัดเอง ที่ต่างต่อสู้เคลื่อนไหวเรียกร้อง ความเสมอภาค ความเท่าเทียม อย่างสิ้นเชิง !