วันที่ 12 ม.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 11 ม.ค. เวลาประมาณ 22.00 น. พล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์ รองผบ.ตร.(ปป.) พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.ภ.2 สั่งการให้ พล.ต.ต.ณัฐพงษ์ สัตยานุรักษ์ ผบก.ภ.จว.สระแก้ว พ.ต.อ.พีระพงษ์ เหล่าธนาวิน รอง ผบก.ภ.จว.สระแก้ว พ.ต.อ.จตุรภัทร สิงหัษฐิต ผกก.สส.ภ.จว.สระแก้ว พร้อมนายสุรเดช ละเต๊ะซัน ผอ.กลุ่มบังคับใช้กฎหมาย ปปส.ภาค 2 เจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มงานสนับสนุน บก.ปอท. รวม70 นาย เข้าตรวจสอบร้านอาหารแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ที่ลานตลาดนัดหัวมุม ติดกับถนนสุวรรณศร 33 ต.อรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ หลังได้รับแจ้งร้องเรียนว่า มีการแอบลักลอบขายสุราให้กับผู้เข้ามาใช้บริการ และมีสาวนั่งบริการภายในร้าน จากการตรวจสอบภายในร้าน ซึ่งเป็นลักษณะร้านอาหารชั้นเดียวตกแต่งสวย มีเวทีแสดงดนตรีสด พบนักท่องเที่ยวชายหญิงชาวไทย พร้อมเจ้าของและ พนักงานในร้านจำนวน 86 คน กำลังนั่งฟังเพลงดนตรีสด โดยกำลังนั่งดื่มแอลกอฮอล์กันอย่างสนุกสนาน จึงได้สั่งการให้หยุดการแสดง และควบคุมตัว พนักงานภายในร้าน และผู้มาใช้บริการทุกคนภายในร้าน เพื่อทำประวัติและบันทึกจับกุมที่ ห้องประชุม สภ.อรัญประเทศ ซึ่งมีน.ส.กาญจนาพิมล กัณหาชาลี อายุ 36 ปี แสดงตนเป็นเจ้าของร้านดังกล่าว โดยสถานประกอบการดังกล่าวแอบลักลอบขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับลูกค้า และมีลูกค้า มั่วสุมดื่มสุราภายในร้านเป็นจำนวนมาก ซี่งเป็นการละเมิดมาตราการควบคุมโรคติดต่อ ในสถานการณ์ Covid-19 จึงนำกำลังเข้าไปตรวจสอบพบว่า นักท่องเที่ยวทั้งชายและหญิง นั่งดื่มกินอยู่ในร้าน จำนวน 22 โต๊ะ และพบเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บรรจุอยู่ในภาชนะขวดทึบแสงและภาชนะวางอยู่บนโต๊ะและในถังขยะใต้โต๊ะ เพื่อเป็นการตบตาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งยังมี PR หญิง นั่งให้บริการแขก จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวเจ้าของร้านและนักเที่ยวทั้งหมดมาที่สภ.อรัญประเทศ ได้ทำการตรวจสารเสพติดในปัสสาวะนักท่องเที่ยวทั้งหมด พบสารเมทแอมเฟตามีนในปัสสาวะ จำนวน 2 ราย จึงจับกุมตัวเจ้าของร้านในความผิดฐานจัดตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายในร้านอาหารอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 2548, ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามความในมาตรา 52 แห่ง พ.ร.บ.โรคติดต่อ 2558, พร้อมดำเนินคดีผู้มาใช้บริการ ในข้อหามั่วสุมในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค และฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดสระแก้ว ฉบับที่ 56 ก่อนนำตัวทำประวัติและบันทึกจับกุม ส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.อรัญประเทศ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป