วิจารณ์กระหึ่มโซเชียลบันไดคอนกรีตกันคลื่นทำหาดทรายชะอำใกล้สิ้น นักกฎหมายชี้ตรวจสอบสถานะโครงการ-หากทำลายทรัพยากรธรรมชาติฟ้องศาลให้ระงับได้ “ศศิน”แนะรื้อโครงสร้างแข็งออก
เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสื่อสังคมออนไลน์ได้ลงภาพและโพสต์ข้อมูลกรณีที่นักท่องเที่ยวพากันผิดหวังภายหลังเดินทางไปเที่ยวหาดชะอำใต้ในช่วงวันหยุดปีใหม่ที่ผ่านมา เนื่องจากบริเวณดังกล่าวได้มีการสร้างบันไดคอนกรีตกันคลื่นตามโครงการรก่อสร้างฟื้นฟูบูรณะและปรับปรุงภูมิทัศน์เพื่อป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง ชายหาดชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ยาวกว่า 1,400 เมตรซึ่งดำเนินการโดยกรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย มูลค่า 102.9 ล้านบาท ทำให้หาดทรายบริเวณดังกล่าวหายไปและภูมิประเทศเปลี่ยนแปลงจนนักท่องเที่ยวไม่กล้าลงเล่นน้ำ ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณถึงความเหมาะสมของโครงการดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวได้สัมภาษณ์นางสาวส.รัตนมณี พลกล้า และ นางสาวเฉลิมศรี ประเสริฐศรี ทนายความมูลนิธิศูนย์ข้อมูลชุมชน ซึ่งระบุว่าหาดชะอำเคยเป็นหาดที่มีชายหาดที่กว้างมาก หากดูปัจจุบันพื้นที่ที่สร้างโครงการหาดทรายจะหายไป ส่วนหาดที่ยังไม่มีการสร้างทรายจะยังคงมีอยู่จำนวนมากและกว้าง
“เสียดายที่หาดถูกแก้ปัญหาการกัดเซาะไม่ถูกจุด เพราะการใช้โครงสร้างแข็งไปวางจะยิ่งทำให้หาดทรายที่มีอยู่หายไปจนหมด เหลือแต่ลานคอนกรีตในอนาคต ดูตัวอย่างได้จากหาดในจังหวัดประจวบฯ ไม่ว่าจะเป็นหาดประจวบฯ หาดคลองวาฬ และหาดอื่นๆที่มีการทำกำแพงกันคลื่น” น.ส.ส.รัตนมณี กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าโครงการนี้ได้เปลี่ยนแปลงสภาพธรรมชาติในทางที่เลวร้ายลง หากจะมีการดำเนินการในเฟส 2 อีก ประชาชนมีสิทธิยับยั้งหรือไม่ นางสาวเฉลิมศรี กล่าวว่าการก่อสร้างโครงการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งประเภทนี้เท่าที่ทราบ เมื่อสร้างแล้วจะต้องสร้างต่อไปเรื่อยๆ เนื่องจากจะมีการกัดเซาะไปเรื่อยๆ หากมีการรุกล้ำหาดทราย การป้องกันไม่ใช่เป็นเพียงเรื่องของคนที่อยู่อาศัยในบริเวณนั้นเท่านั้น แต่ผู้ที่ใช้ประโยชน์ จะเป็นคนเดียวหรือคณะบุคคล หรือองค์กรที่มีจุดประสงค์ในการอนุรักษ์ชายหาด ย่อมสามารถใช้สิทธิในการออกมาปกป้อง หรือเรียกร้องสิทธิของชายหาดได้ ในเมื่อเห็นว่าทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลและชายฝั่ง กำลังถูกทำลายลง
เมื่อถามอีกว่า โครงการที่ดำเนินไปแล้วกว่า 1,400 เมตร ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ประชาชนมีสิทธิดำเนินการอย่างใดบ้าง นางสาวเฉลิมศรีกล่าวว่า เมื่อทราบว่ามีการดำเนินโครงการในลักษณะที่เป็นการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ควร



