เมื่อเส้นทางรถไฟสายใหม่จีน-ลาวที่สร้างโดยจีนมูลค่ากว่า 6,000 ล้านดอลลาร์ จากนครคุนหมิง มณฑลยูนนาน ลงมาสิบสองปันนา โม่หาน เชื่อมต่อ สปป.ลาว ที่เมืองบ่อเต็น จนมาสุดปลายทางที่นครเวียงจันทน์ รวมระยะทาง 414 กิโลเมตร ซึ่งประเมินกันว่าจากนครคุนหมิง (ประเทศจีน) มาถึงจังหวัดหนองคาย ใช้เวลาไม่เกิน 15 ชั่วโมง จากเดิมที่เดินทางด้วยรถใช้เวลาถึง 2 วัน จึงคาดว่ารถไฟจีน-ลาวจะช่วยลดต้นทุนการขนส่งสินค้าและระยะเวลาที่เร็วขึ้น ซึ่งจะกลายเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้กลุ่มนักลงทุนจีนเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มขึ้น กระตุ้นภาคธุรกิจและท่องเที่ยว ทั้งนี้ นายธนกร วีรชาติยานุกูล ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดอุดรธานี และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อุดรพลาซ่า จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้ายูดีทาวน์ และโรงแรมโมโค่ อุดรธานี กล่าวว่า หลังจากรถไฟสายใหม่จีน-ลาวเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนธันวาคม 2564 ที่ผ่านมาน่าจะกระตุ้นภาคธุรกิจและการท่องเที่ยวของไทยได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวถือเป็นโครงข่ายที่เชื่อมต่อการเดินทางของนักท่องเที่ยวจีนและลาวให้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคอีสานของประเทศไทยได้สะดวก และเสียค่าใช้ในการเดินทางที่ถูกลงด้วย จากแผนเดิมดก่อนเกิดระบาดโรคโควิด-19 เส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงจาก 4 เมืองของจีน จะเข้ามาโดยสายการบินชาร์เตอร์ไฟลต์มาลงจังหวัดอุดรธานี 2 คืน จากนั้นจะไปต่อที่ สปป.ลาว อีก 2 คืน แต่ทั้งนี้คงจะต้องนโยบายจากรัฐบาลในช่วงปี 2565 เพื่อเปิดประเทศในช่วงเวลาที่เหมาะสมอย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงด่านชายแดน ที่เชื่อมต่อกับโครงการเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยง 3 ประเทศ คือ จีน ไทย และ สปป.ลาว นี้ โดย นายธนกร ยังกล่าวอีกว่า ทางผู้ประกอบได้เตรียมการพัฒนาเส้นทางเชื่อมโยงพื้นที่ในหลาย ๆ จังหวัดภาคอีสานที่เป็นเขตติดต่อกับอุดรธานี อาทิ หนองคาย นครพนม สกลนคร เป็นต้น โดยใช้อุดรธานีเป็นศูนย์กลาง ซึ่งหากทุกภาคส่วนร่วมกันผลักดันให้เดินหน้าได้ตามแผนเชื่อว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในภาคอีสานอย่างแน่นอน ซึ่งเวลานี้ทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด รวมถึงหัวหน้าส่วนราชการในภาคอีสานได้หารือแผนการทำงานร่วมกับทางผู้ใหญ่ในฝั่งเมืองจีน เพื่อรองรับตลาดจีนในอนาคต รวมไปถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่าง ๆ ที่ดูแลด้านการท่องเที่ยว อาทิ เทศบาล องค์การบริหารส่วนจังหวัด เป็นต้น ในหลายพื้นที่ต่างเตรียมพร้อมที่จะพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวที่มีอยู่ให้ดีขึ้น พร้อมทั้งหาสินค้าใหม่มานำเสนอนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามา จีนเริ่มสนใจตลาดท่องเที่ยว อีสาน อย่างไรก็ตามนายธนกร กล่าวว่า นักลงทุนจีนเริ่มสนใจตลาดการท่องเที่ยวในภาคอีสานเพิ่มขึ้น โดยจะเป็นการเชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวระหว่าง 4 เมืองของจีน คือ เซี่ยงไฮ้ กวางเจา ปักกิ่ง และเฉิงตู กับจังหวัดในภาคอีสาน ด้วยการใช้อุดรธานีเป็นศูนย์กลาง และนครเวียงจันทน์ (สปป.ลาว) จึงทำให้ทางด้านเมืองไทย ได้มีการเตรียมพัฒนาสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวใหม่ รวมถึงศึกษาการลงทุนแหล่งท่องเที่ยวใหม่ การคมนาคมขนส่ง การรักษาพยาบาล ความปลอดภัย ร้านอาหาร โรงแรม เป็นต้น พร้อมทั้งพัฒนาบุคลากรทางด้านภาษา ด้วยการสื่อสารได้ทั้งอังกฤษและจีน เพื่อยกระดับการท่องเที่ยวในภาคอีสาน นั้นเอง ซึ่ง นายธนกร ได้กล่าวต่อว่า เวลานี้ทางภาคอีสาน โดยเฉพาะจังหวัดอุดรธานี ยังไม่ได้เตรียมความพร้อมขั้นพื้นฐานไว้รองรับนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาเปฌนจำนวนมาก อาทิเช่น โครงการที่พักระหว่างทางสำหรับนักท่องเที่ยว หรือ rest area ไว้รองรับและอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว แหล่งจำหน่ายผลิตภัณฑ์โอทอปในพื้นที่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวหลัก อาทิ ทะเลบัวแดง, คำชะโนด เป็นต้น และที่สำคัญโครงการลงทุนในแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เพื่อพัฒนาจุดขายของจังหวัดในภาคอีสาน สำหรับบริษัท อุดรพลาซ่า จำกัด หรือกลุ่มศูนย์การค้ายูดีทาวน์ ได้ลงทุนอีก 500 ล้านบาท สร้างโรงแรมภายใต้แบรนด์ โมโค่ โฮเต็ล เป็นพรีเมี่ยม บูทีค ดีไซน์ โฮเทล บนพื้นที่ประมาณ 2 ไร่ จำนวน 68 ห้อง บริเวณเดียวกับศูนย์การค้ายูดีทาวน์ และศูนย์ประชุมมลฑาทิพย์ ฮอลล์ เพื่อเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ใจกลางเมืองอุดรธานี และตอบโจทย์นักเดินทางทั้งกลุ่มเพื่อธุรกิจและการท่องเที่ยว และช่วยเติมเต็มโปรเจ็กต์ มิกซ์ยูส ให้สมบูรณ์ และมีความพร้อมที่สุดของจังหวัดอุดรธานี โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหากรัฐบาลมีนโยบายเปิดประเทศที่ชัดเจนในปี 2565 นี้เชื่อว่านักท่องเที่ยวจากฝั่ง สปป.ลาว จะกลับเข้ามา ซึ่งจะเชื่อมโยงตลาดหลักที่เป็นนักท่องเที่ยวจาก 4 เมืองใหญ่ของจีน