วันที่ 5 ม.ค.65 กองบัญชาการตํารวจนครบาล โดย พล.ต.ท.สําราญ นวลมา ผบช.น. พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ รอง ผบช.น. สั่งการให้ พล.ต.ต.เอกชัย บุญวิสุทธิ์ ผบก.น.7 พ.ต.อ.คมสิทธิ์ รังไสย์ พ.ต.อ.กุลเชษฐ์ บางพราน รอง ผบก.น.7 พ.ต.อ.ไกรวิทย์ อุณหก้องไตรภพ ผกก.สส.บก.น.7 พ.ต.ท.สวัสดิ์ ภักดี รอง ผกก.สส.บก.น.7 พ.ต.ท.ณรงกรณ์ ขันจันทร์ รอง ผกก.สส.บก.น.7 พ.ต.ท.วิษณุวัฒน์ ภูระหงษ์รองผกก.สส.บก.น.7 พ.ต.ท.ภูมินทร์คิสาลังสว.สส.บก.น.7 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตํารวจกองกํากับการสืบสวนนครบาล7 ร่วมกันจับกุมนายกฤษดา (สงวนนามสกุล) หรือไผ่ อายุ 33 ปี บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 42/50 ซ.จามจุรี 1/6 ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ พร้อมด้วยของกลาง 1.อาวุธปืนไทยประดิษฐ์ ขนาด 9 มม. จํานวน 3 กระบอก 2.อาวุธปืนไทยประดิษฐ์ (ลูกซอง) ขนาดเบอร์ 12 จํานวน 1 กระบอก 3.อาวุธปืนไทยประดิษฐ์ ไม่ทราบขนาด จํานวน 1 กระบอก 4.ปืนปากกา ขนาด .22 จํานวน 1 กระบอก 5.อุปกรณ์ผลิต อาวุธปืน และเครื่องกระสุนโดยแจ้งข้อกล่าวหาผลิตหรือรับซ่อมแซมดัดแปลงอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต, สั่งนําเข้าหรือจําหน่ายซึ่งอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีหรือครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต”
สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 2 ม.ค.65 เวลาประมาณ 16:00 น. เจ้าพนักงานตํารวจชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับว่า นายกฤษดา เป็นบุคคลตามหมายจับศาลจังหวัดหนองบัวลําภู ที่ จ.115/2564 ลงวันที่ 16 สิงหาคม 2564 และหมายจับศาลจังหวัดเลยที่82/2563ลงวันที่27เม.ย.64ในความผิดฐาน“มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไมไ่ด้ รับอนุญาตจากนายทะเบียนและพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันควร”
จากการตรวจสอบ พบว่า นายกฤษดา เป็นบุคคลเดียวกับที่ แหกด่านเจ้าหน้าที่หนีการจับกุม บริเวณด่านเคอร์ฟิวริม ถนนสาย 210 หนองบัวลําภู-อุดรธานี เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.64 ตามที่เคยเป็นข่าวไปก่อนหน้านี้ โดยนายกฤษดาฯ ได้หลบหนีการจับกุมมาอยู่ยังหลายพื้นที่และมีพฤติกรรมลักลอบจําหน่ายอาวุธปืนผ่านช่องทางออนไลน์ โดยใช้แอปพลิเคชันไลน์ในการจําหน่ายให้แก่ลูกค้าทั่วไปที่สนใจซื้ออาวุธปืน จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตํารวจชุดจับกุมได้นํากําลังไปดักซุ่มที่ บ้านหลังดังกล่าวพบ นายกฤษดา มีลักษณะรูปพรรณ ตรงตามที่สายลับแจ้ง จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตํารวจ และแสดง หมายจับให้ผู้ต้องหาดู และแจ้งสิทธิเบื้องต้นให้ทราบ ผู้ต้องหายอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริงและยังไม่เคยถูกจับกุมในคดี นี้มาก่อน จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การว่า ยังมีอาวุธปืนอยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าว จึงยินยอมให้ตรวจค้นด้วยความสมัครใจ และนําตรวจค้นภายในบ้านด้วยตนเอง ผลการตรวจค้นพบทรัพย์สินตามรายการยึดทรัพย์ลําดับที่ 1-17 พบอยู่ภายในบ้านหลัง ดังกล่าว จึงได้ทําการตรวจยึดของกลางพร้อมนําตัวผู้ต้องหามายัง กก.สส.บก.น.7 เพื่อทําบันทึกตรวจค้น/ยึดทรัพย์ และบันทึกจับกุม นําผู้ต้องหาส่ง สภ.หนองบัวลําภู และนําของกลางท่ีตรวจยึด ส่ง สภ.บางแก้ว เพื่อดําเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 2 ม.ค.65 เวลาประมาณ 16:00 น. เจ้าพนักงานตํารวจชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับว่า นายกฤษดา เป็นบุคคลตามหมายจับศาลจังหวัดหนองบัวลําภู ที่ จ.115/2564 ลงวันที่ 16 สิงหาคม 2564 และหมายจับศาลจังหวัดเลยที่82/2563ลงวันที่27เม.ย.64ในความผิดฐาน“มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไมไ่ด้ รับอนุญาตจากนายทะเบียนและพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันควร”
จากการตรวจสอบ พบว่า นายกฤษดา เป็นบุคคลเดียวกับที่ แหกด่านเจ้าหน้าที่หนีการจับกุม บริเวณด่านเคอร์ฟิวริม ถนนสาย 210 หนองบัวลําภู-อุดรธานี เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.64 ตามที่เคยเป็นข่าวไปก่อนหน้านี้ โดยนายกฤษดาฯ ได้หลบหนีการจับกุมมาอยู่ยังหลายพื้นที่และมีพฤติกรรมลักลอบจําหน่ายอาวุธปืนผ่านช่องทางออนไลน์ โดยใช้แอปพลิเคชันไลน์ในการจําหน่ายให้แก่ลูกค้าทั่วไปที่สนใจซื้ออาวุธปืน จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตํารวจชุดจับกุมได้นํากําลังไปดักซุ่มที่ บ้านหลังดังกล่าวพบ นายกฤษดา มีลักษณะรูปพรรณ ตรงตามที่สายลับแจ้ง จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตํารวจ และแสดง หมายจับให้ผู้ต้องหาดู และแจ้งสิทธิเบื้องต้นให้ทราบ ผู้ต้องหายอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริงและยังไม่เคยถูกจับกุมในคดี นี้มาก่อน จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การว่า ยังมีอาวุธปืนอยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าว จึงยินยอมให้ตรวจค้นด้วยความสมัครใจ และนําตรวจค้นภายในบ้านด้วยตนเอง ผลการตรวจค้นพบทรัพย์สินตามรายการยึดทรัพย์ลําดับที่ 1-17 พบอยู่ภายในบ้านหลัง ดังกล่าว จึงได้ทําการตรวจยึดของกลางพร้อมนําตัวผู้ต้องหามายัง กก.สส.บก.น.7 เพื่อทําบันทึกตรวจค้น/ยึดทรัพย์ และบันทึกจับกุม นําผู้ต้องหาส่ง สภ.หนองบัวลําภู และนําของกลางท่ีตรวจยึด ส่ง สภ.บางแก้ว เพื่อดําเนินคดีตามกฎหมายต่อไป