เมื่อวันที่ 3 ม.ค.65 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท. /ในฐานะรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยีใน ปี พ.ศ.2565 ที่สร้างปัญหาความเดือดร้อนให้กับสังคม เมื่อพิจารณาข้อมูลจากสถิติการเข้าแจ้งความ ณ ศูนย์บริการประชาชน บก.ปอท. ปี พ.ศ. 2561-2564 พบว่า รูปแบบของอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ใช้เทคโนโลยีกระทำความผิด ที่มีประชาชนมาแจ้งความดำเนินคดีมากที่สุด อันดับ 1 เป็นความผิดฐาน หมิ่นประมาท ปี 2564 มีผู้มาแจ้งความ จำนวน 698 ราย สาเหตุที่การด่าทอ ให้ร้ายกันในสื่อสังคมออนไลน์ เป็นอันดับ 1 มาตลอดหลายปีเนื่องมาจากประชาชนเข้าถึงสื่อสังคมออนไลน์มากขึ้น การโพสต์ การแสดงความคิดเห็น การส่งต่อข้อมูลที่ทำให้ผู้อื่นเสียหาย จึงมีมากขึ้น แต่ที่น่าสนใจจากสถิติพบว่า มีผู้ได้รับความเสียหายจากการถูกแฮกเพื่อปรับเปลี่ยน ขโมย ทำลายข้อมูลคอมพิวเตอร์ พบเป็นอันดับที่ 2 โดยมีผู้มาแจ้งความร้องทุกข์ จำนวน 585 ราย ความเสียหายรวม 67 ล้านบาท แสดงให้เห็นถึงประชาชน อาจขาดการระวังป้องกันการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ ข้อมูลคอมพิวเตอร์ จากแฮกเกอร์ ส่วนการหลอกขายสินค้า บริการพบว่า มาเป็นอันดับ 3 โดยมีผู้มาแจ้งความร้องทุกข์ จำนวน 445 ราย ความเสียหายรวมประมาณ 45 ล้านบาท ซึ่งจากสถิติข้างต้นทำให้สังเกตได้ว่า รูปแบบของอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ในปัจจุบันหากไม่นับความผิดฐานหมิ่นประมาท แล้วพบว่าจะมีอยู่ 2 รูปแบบหลัก ๆ คือการแฮกข้อมูล และการฉ้อโกงออนไลน์ เป็นหลักซึ่งพบว่า อาชญากรรมใน 2 รูปแบบนี้ คนร้ายมักอาศัยโอกาสจากเทคโนโลยี ใหม่ๆ มาเอื้อประโยชน์ในการกระทำความผิด หรือปกปิดตัวตนไม่ให้ตำรวจสืบสวนหาตัวคนร้ายได้โดยง่าย โดยใช้ช่องทางต่าง ๆ การปกปิดตัวตนโดยนำภาพ หรือ ชื่อบุคคลอื่นมาสร้างบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ปลอม หรือใช้บัญชีอวตา (Avatar) การปกปิดที่อยู่ไอพี (ip address) การใช้ช่องทางสกุลเงินดิจิทัล ในการรับทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิด การซื้อบัญชีธนาคาร จากผู้ที่รับจ้างเปิดบัญชีธนาคาร ซึ่งเป็นการสร้างความยุ่งยากให้กับเจ้าหน้าที่ในการสืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี ความเห็นส่วนตัว แนวโน้มอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ในปี 2565 ยังไม่น่าจะแตกต่างไปจากเดิม แต่คนร้ายอาจนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ หรือเทคโนโลยี ที่มีอยู่มาใช้มากขึ้นไม่ว่าจะเป็นการให้ร้ายระรานทางไซเบอร์ (Cyber Bullying) การหลอกลวงผ่านอีเมล (email scam) การแฮกเพื่อเอาข้อมูลหรือเงินผ่านการลวงให้กด ล่อให้กรอก (Phishing) มัลแวร์เรียกค่าไถ่ (Ransomware) การหลอกลวงขายสินค้า การหลอกรักออนไลน์ (Romance Scam) การหลอกรักลวงลงทุน (Hybrid Scam) การหลอกลวงด้วยการโทรศัพท์ โดยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การหลอกให้ลงทุนในลักษณะแชร์ออนไลน์ แชร์ลูกโซ่ การขูดรีดดอกเบี้ยเงินกู้ การทวงหนี้ในลักษณะผิดกฎหมายจากแก๊งแอพพลิเคชั่นเงินกู้ การปล่อยข่าวปลอมในโลกออนไลน์ เพื่อหวังผลด้านต่างๆ (Fake News) อย่างไรก็ตาม ประโยคที่ว่า 'อาชญากรรมมักทิ้งร่องรอย' ยังคงใช้ได้กับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี จึงเป็นเรื่องที่ท้าทายเจ้าหน้าที่ตำรวจในการสืบสวนติดตามจับกุมคนร้าย ที่อาจพัฒนาตัวเองจากอาชญากรภาคพื้นดิน (On Ground) มาเป็นอาชญากรบนอากาศ (Online) โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องมีการพัฒนาทักษะ ความรู้ ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ทั้งนี้จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากผู้ให้บริการด้านต่างๆ ในการสนับสนุนข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบข้อมูลในการสืบสวนสอบสวน พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้กำชับให้ทุกหน่วยงานในสังกัดดำเนินการสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีให้ได้ นอกจากนี้ยังเน้นย้ำให้ทีมโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งเตือนประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนรู้เรื่องอาชญากรรมทางเทคโนโลยี อีกด้วย ภักดี วีระรัตน์