เปิดประวัติ “บิ๊กต่อ-พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล” เกิดเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2507 ที่ จังหวัดเพชรบุรี ปัจจุบันอายุ 57 ปี มีพี่น้อง 5 คน เป็นบุตรคนสุดท้อง ของนายนิพนธ์ และนางสมนึก สุขวิมล สมรสกับ นิภาพรรณ มีบุตรสาว 2 คน เริ่มเรียนชั้นประถมศึกษา ที่โรงเรียนพันธะศึกษา เขตดุสิต กรุงเทพฯ ก่อนจะไปเรียนต่อชั้นมัธยม ที่โรงเรียนโยธินบูรณะ และเรียนระดับปริญญาตรี ที่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยเป็นสิงห์แดง รุ่นที่ 38 หลังเรียนจบก็ได้เข้าทำงานเป็นพนักงาน บริษัทน้ำมันคาลเท็กซ์ ทำอยู่ได้ 7 ปี ก็ตัดสินใจลาออก เพื่อเดินตามความฝันตัวเองที่มีมาตั้งแต่เด็กๆ คือ การรับราชการตำรวจ โดยได้เข้าอบรมหลักสูตรการฝึกอบรมผู้มีวุฒิ ทางด้านนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ เพื่อบรรจุแต่งตั้งเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร (กอต.) รุ่นที่ 4 จนได้สวมเครื่องแบบตำรวจอย่างที่ตั้งใจไว้
“บิ๊กต่อ” เริ่มต้นชีวิตเป็นตำรวจตั้งแต่ ปี 2540 ดำรงตำแหน่งเป็นรองสารวัตร อยู่ที่ กองกำกับการสายตรวจปฏิบัติการพิเศษ 191 เป็นเวลา 2 ปี โดยในปี 2543 ขณะติดยศ ร้อยตำรวจโท ได้ไปเรียนที่โรงเรียนสืบสวนที่วิทยาลัยการตำรวจ เรียนจบสอบได้ที่ 3 ตามกติกาผู้ที่สอบได้ที่ 1 และ 2 จะไปอยู่กองปราบปราม แต่เนื่องจากเวลานั้นคนที่ได้ที่ 1 อยู่ กองปราบปราม อยู่แล้วขณะที่คนที่ได้ที่ 2 เป็นครูอยู่ที่ศูนย์ฝึกอบรม ไม่มาจึงได้ย้ายจาก 191 มาเป็น รองสารวัตร อยู่ในสังกัดกองปราบปราม เป็นหัวหน้าชุดสืบสวนอยู่งานแผนก 3 กอง 2 รถวิทยุ ใช้ชีวิตเป็นตำรวจอยู่ที่กองปราบปราม
จากนั้นขึ้นเป็นสารวัตรที่ตำรวจท่องเที่ยว อยู่สถานี 3 กองกำกับการ 1 ดูแลรถวิทยุฝั่งธน ต่อมาได้ย้ายจากสายตำรวจท่องเที่ยวมาดำรงตำแหน่ง สารวัตรกองร้อยที่ 3 คุมเรื่องการปราบจลาจล ทำอยู่ได้ไม่นาน เมื่อมีการเปลี่ยน ผบ.ตร. คนใหม่ ได้รับการสับเปลี่ยนตำแหน่งให้มาคุมรถวิทยุสายตรวจกองปราบปราม คอมมานโด กระทั่งได้ขึ้นเป็น รองผู้กำกับการปฏิบัติการพิเศษ (คอมมานโด) หลังจากเข้าเรียนโรงเรียนผู้กำกับ เป็นรองผู้กำกับ ก็ได้เป็นผู้กำกับการกองปฏิบัติการพิเศษ กองปราบปราม จนครบวาระของการเป็นผู้กำกับคุมถวายความปลอดภัย
กระทั่งได้ขึ้นเป็นรองผู้การกองปราบปราม ดูแลกองกำกับการหน่วยปฏิบัติการพิเศษ มีหน้าที่ดูแลความปลอดภัย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขณะนั้นดำรงพระอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ ขณะนั้นดำรงพระอิสริยยศ เป็นพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าทีปังกรฯ และทำหน้าที่ชุดอารักขาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรฯ โดยรับหน้าที่สำคัญมาตั้งแต่นั้น ต่อมาได้มีการแยกกองกำกับการพิเศษ(คอมมานโด) เป็นกองบังคับการ
ต่อมาในวันที่ 27 มกราคม 2562 ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ประกาศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ( สตช.) เปลี่ยนชื่อกองบังคับการถวายความปลอดภัยและปฏิบัติการพิเศษ เป็น กองบังคับการตำรวจมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ 904และ มีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งให้ พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล จากผู้บังคับการถวายความปลอดภัยและปฏิบัติการพิเศษ ดำรงตำแหน่ง ผู้บังคับการ มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ 904 ต่อมาเดือนกันยายน 2562 พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ ได้เลื่อนตำแหน่งเป็น รอง ผบช.ก. ก่อนที่ในการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจระดับสูง ประจำปี 2563 นี้ ที่ประชุม ก.ตร. ได้คัดเลือกแต่งตั้งให้ พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ เลื่อนขึ้นเป็น ผบช.ก.และ มาปี 2564 ได้เป็น ผช.ผบ.ตร.
“บิ๊กต่อ-โรโบคอปสายบุญ” ระหว่างปฏิบัติราชการตำรวจ พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ ได้รับฉายาต่างๆ มากมาย ที่น่าสนใจ อาทิ เป็นเจ้าของฉายา "มือปราบสายธรรมะ" นอกจากนั้น เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2562 สมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญา กรรมแห่งประเทศไทย ได้ร่วมกับสำนักวิจัยซูเปอร์โพล ตัวแทนจากสื่อต่างๆ ร่วมกันคัดเลือกและพิจารณาตั้งฉายาตำรวจประจำปี 2562 จำนวน 12 นาย โดยหนึ่งในนั้น มีชื่อของ พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบช.ก. ได้รับฉายา “โรโบคอปสายบุญ”
ด้วยเหตุผลที่ว่า พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ภาพลักษณ์นักบู๊และนักบุญ เดินทางสายบุญและสายบู๊คู่ขนาน เป็นรุ่นพี่ที่สีกากีรุ่นน้องให้ความเคารพ กำกับดูแลหน่วยคอมมานโด จบหลักสูตร FBI USA ปราบปรามมือปืนรับจ้าง จับกุมผู้มีอิทธิพลจนนับไม่ถ้วน และยังเป็นบิ๊กบอส ของลูกน้องอีกด้วย
ล่าสุดยังผลิตแก้วเยติขาย เพื่อนำเงินที่ได้ไปจัดซื้อเครื่องช่วยหายใจ มอบให้กับโรงพยาบาล เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญที่สุดในการช่วยเหลือชีวิตผู้ป่วย โดยมอบให้โรงพยาบาล ทั่วทุกภาค ถืออุดมคติที่ว่า “ธรรมที่แทรกซึมเข้าในจิตใจผู้ใดย่อมนำความร่มเย็นเป็นสุขสู่สังคมบ้านเมือง” จึงเป็นที่มาของฉายา “โรโบคอปสายบุญ” “คอมมานโด” มีแต่พี่กับน้องไม่มีนายไม่มีลูกน้อง และยังปฏิบัติกิจกรรม จิตอาสา ในหน่วยงานของรัฐ ชอบการ กระโดดร่ม เป็นชีวิตที่ขาดไม่ได้
ใน ”คอมมานโด” มีแต่พี่กับน้อง ไม่มีนาย ไม่มีลูกน้อง ไม่มีเจ้านาย ไม่มีไพร่ ไม่มีทาส พี่ช่วยแบกน้อง ช่วยหามถึงที่หมายไวและเบาแรง ถ้าเป็นนายชี้นิ้วสั่งลูกน้อง แบกถึงที่หมายยางทุลักทุเล ถ้าเป็นเจ้านายขึ้นเหยียบท่อนซุง ทาสไพร่แบกอาจไม่ถึงที่หมาย ทาสไพร่หมดแรงตายก่อน
มาโนช สาระศาลิน


