เป็นประเด็นดราม่าพอสมควร กับการปิดฉาก “สถานีรถไฟหัวลำโพง” ที่ทางกระทรวงคมนาคม มีแนวคิดที่จะนำพื้นที่ดังกล่าวมาพัฒนาเชิงพาณิชย์ เพื่อสร้างรายได้ให้กับการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) รวมทั้งยกเลิกขบวนรถไฟทางไกลทั้งหมด 166 ขบวน เหลือรถไฟชานเมืองแค่ 22 ขบวน เท่านั้น!!! จนกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องมีการเร่งหาข้อสรุปโดยเร็ว เพราะเรื่องนี้ผลกระทบที่เกิดขึ้นมากที่สุดคือ ประชาชนที่ต้องเดือดร้อนในการเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ไม่ได้ง่ายเหมือนในอดีตที่ผ่านมาอีกต่อไป เช่นเดียวกับพื้นที่บริเวณหัวลำโพงที่มีกระแสข่าวว่า “การพัฒนาพื้นที่หัวลำโพง เป็นการประเคนพื้นที่ประวัติศาสตร์ให้กับเจ้าสัวบางคน!” ซึ่งเป็นเรื่องจริงหรือไม่ก็ไม่ทราบได้ !?! และหากมองย้อนไปยังจุดเริ่มต้นของปัญหา เกิดขึ้นจากการที่กระทรวงคมนาคมมีแนวคิดพัฒนาพื้นที่สถานีหัวลำโพงเบื้องต้นจะมีความพิเศษกว่าที่อื่นเพราะเป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์ มีสถาปัตยกรรม 5 จุดที่ต้องอนุรักษ์ไว้ ได้แก่ 1.ช้างสามเศียร ซึ่งเป็นหลักกิโลเมตรที่ 0 ของการเดินรถไฟ 2.อาคารสถานีหัวลำโพง 3.อนุสรณ์ปฐมฤกษ์ เป็นจุดที่รัชกาลที่ 5 ปักหมุดรางรถไฟ 4.ตึกบัญชาการ และ 5.ตึกแดง ซึ่งจะทำให้เหลือพื้นที่สถานีหัวลำโพงประมาณ 90 ไร่ที่จะนำมาพัฒนาให้เกิดประโยชน์ โดยจะเน้นให้ เป็นศูนย์การเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์และทำพื้นที่สีเขียว เพราะหากไม่พัฒนามีแนวโน้มพื้นที่จะเสื่อมโทรมและมีผู้บุกรุกเข้ามา อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้มี “นักวิชาการอิสระทางด้านสถาปัตยกรรม” ออกมาให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า มีนักธุรกิจรุ่นใหม่เสนอให้มีการพัฒนาหัวลำโพงให้เทียบเท่ากับ Landmark ในต่างประเทศ ซึ่งประเด็นนี้ไม่มีใครคัดค้านที่การรถไฟฯ จะนำพื้นที่ว่างไปพัฒนาให้เกิดประโยชน์ หรือปล่อยให้เอกชนเช่าเพื่อพัฒนา เพราะคงเป็นเรื่องดีที่รฟท.จะมีรายได้ ปลดหนี้ และมีเงินมาพัฒนาสวัสดิภาพของพนักงาน และการให้บริการสาธารณะ แต่สิ่งที่ประชาชนคาดหวังคือ การพัฒนาต้องไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้มีรายได้น้อย ขณะเดียวกันก็ต้องสามารถนำคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของหัวลำโพง มาสร้างเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจให้เกิดขึ้นไปพร้อมกับการเพิ่มพื้นที่กิจกรรมและพื้นที่สีเขียวให้กับผู้คนในเมืองด้วย และจากปัญหาดังกล่าวเพื่อให้ได้ข้อชัดเจนทั้งในส่วนของผู้เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย จึงได้มีการจัดเสวนา โดย “นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์” รองปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้แต่งตั้งคณะกรรมการ 1 ชุด แบ่งออกเป็น 5 คณะทำงาน เพื่อดำเนินการบริหารจัดการพัฒนาสถานีกลางบางซื่อและโครงการรถไฟสายสีแดง โดยยืนยันว่าจากการประชุมทั้ง 7 ครั้ง ที่ผ่านมา ไม่มีการพูดปิดสถานีหัวลำโพง เป็นเพียงการลดบทบาทหน้าที่ของสถานีหัวลำโพงเท่านั้น เช่นเดียวกับ “นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์” รองอธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) กล่าวว่า ยืนยันว่าการพัฒนาสถานีหัวลำโพง ไม่มีการทุบสถานีหัวลำโพงแน่นอน และไม่มีการปิดสถานีหัวลำโพงแต่อย่างใด ทั้งนี้จะมีการลดบทบาทของสถานีหัวลำโพงลง เนื่องจากปัจจุบันมีการสร้างสถานีกลางบางซื่อเสร็จแล้ว ที่ผ่านมามีรถไฟเข้าสถานีหัวลำโพง 118 ขบวนต่อวัน ปัจจุบันจะมีการปรับขบวนรถไฟเหลือ 22 ขบวนต่อวัน อีกทั้งเพื่อแก้ไขปัญหาลดอุบัติเหตุบริเวณจุดตัดรถไฟในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทั้งหมด 27 จุด ซึ่งทั่วโลกไม่มีทางรถไฟที่มีจุดตัดรถไฟภายในใจกลางเมือง ด้านฝ่ายคัดค้าน “นายประภัสร์ จงสงวน” อดีตผู้ว่าการรฟท. กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ เพราะทำให้ประชาชนสับสนมาก โดยที่ผ่านมามีกระแสข่าวว่าจะมีการปิดให้บริการเดินรถไฟที่สถานีหัวลำโพง รวมทั้งจะมีการพัฒนาบริเวณสถานีรถไฟหัวลำโพง ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ว่าฯรฟท.ควรชี้แจง ให้ทราบ เพราะถือว่าอยู่ในฐานะหัวหน้าหน่วยงานรฟท. “นายสราวุธ สราญวงศ์” รักษาการประธานสหภาพฯ รฟท.กล่าวว่า การหยุดเดินรถไฟเข้าสถานีหัวลำโพง ส่งผลกระทบต่อประชาชนอย่างมาก โดยเฉพาะช่วงเทศกาลปีใหม่ที่จะถึงนี้ อีกทั้งในส่วนของการปฏิบัติการของการรถไฟฯ เองก็ยังไม่มีความพร้อม จึงขอให้ยังเดินรถไฟต่อไปตามปกติ โดยเฉพาะรถไฟชานเมืองเชิงสังคมที่มีประมาณ 50 ขบวน มีความจำเป็นต้องเข้าหัวลำโพงเพื่อลดผลกระทบของประชาชน ดังนั้นควรที่จะรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสีย ประชาชน และชุมชนที่เกี่ยวข้อง เพราะรถไฟถือเป็นบริการของรัฐ การจะเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนต้องมีการรับฟังความเห็น ก่อนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 58 ล่าสุด!เรื่องนี้ได้รับความชัดเจนจาก “การประชุมคณะกรรมการเตรียมการเปิดให้บริการและการบริหารโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) และสถานีกลางบางซื่อ” โดยที่ประชุมให้มีการดำเนินการทุกขั้นเป็นไปตามผลการศึกษา ข้อกฎหมาย มติ ครม. ที่เกี่ยวข้องก่อนจะดำเนินการจัดทำแผนการดำเนินงานให้สอดคล้องต่อไป โดยในระหว่างการดำเนินการดังกล่าวให้ รฟท. ยังคงรูปแบบการเดินรถไฟทุกขบวนเข้าสู่สถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) ทั้งขบวนรถเชิงพาณิชย์ และเชิงสังคมตามเดิม รวมถึงประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน และผู้ใช้บริการทราบต่อไป รวมถึงให้รฟท. ดำเนินการเชิงรุก ป้องกันไม่ให้บุคคลภายนอกเข้ามาลักลอบตัดสายอาณัติสัญญาณในระบบรถไฟฟ้า เช่น การเฝ้าระวังจากระบบเตือนที่ศูนย์ควบคุม จัดให้มีการลาดตระเวนของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เป็นต้น และในพื้นที่สถานีกลางบางซื่อได้เตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการใช้บริการของประชาชนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และรองรับการให้บริการรถไฟทางไกลของ รฟท. ในอนาคต เรื่องนี้ดูผิวเผินน่าจะจบลงด้วยดี ยังคงมีรถไฟทั้งทาใกล้ และทางไกล วิ่งเข้าสถานีหัวลำโพงตามปกติ!! แต่ก็แอบเชื่อในใจว่า เรื่องนี้ยังต้องมีตอนต่อไป เพราะพื้นที่อาณาจักรของรฟท.มันหอมหวานเสียเหลือเกิน!!!