คุยเฟื่องเรื่องต่างประเทศ / ดร.วิวัฒน์ เศรษฐช่วย
แทบไม่น่าเชื่อเลยว่า คำทำนายของนายพลห้าดาว “อดีตประธานาธิบดีดไวต์ ดี.ไอเซนฮาวร์”ประธานาธิบดีคนที่ 34 ของสหรัฐฯ ผู้บัญชาการกองกำลังที่ได้รับชัยชนะในยุโรป ยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 และยังสามารถสงบศึกในสงครามเกาหลี ที่ท่านเคยเอ่ยปากกล่าวเอาไว้เมื่อ 61 ปีก่อน ขณะนี้เกิดเป็นจริงขึ้นมาแล้ว
เนื่องจากชื่อเสียงในช่วงสงครามของนายพลไอเซนฮาวร์ได้สร้างภาพลักษณ์ที่ยิ่งใหญ่และทำให้เขาได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐฯคนที่ 34 อย่างง่ายดาย
ในช่วงแปดปีระหว่างปีค.ศ. 1953-1961 ซึ่งเป็นยุคสมัยของประธานาธิบดีไอเซนฮาวร์ ถือเป็นช่วงที่ค่าใช้จ่ายด้านการทหารเพิ่มมากขึ้นจนผิดสังเกต ทำให้ประธานาธิบดีไอเซนฮาวร์ ออกมาตักเตือนในวันที่ท่านกล่าวอำลาจากตำแหน่งประธานาธิบดีผ่านการถ่ายทอดสดทางหน้าจอโทรทัศน์ทั่วทั้งประเทศ เมื่อวันที่ 17 มกราคม 1961 ใจความที่ว่า “กองทัพสหรัฐฯกับอุตสาหกรรมผลิตอาวุธสงครามจะมีความสัมพันธ์โดยหวังผลประโยชน์ร่วมกัน (Military-Industrial Complex) ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สลับซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง”
โดยเนื้อหาสาระในสุนทรพจน์ของประธานาธิบดีไอเซนฮาวร์ ก็ยังได้บ่งชี้ต่อไปอีกว่า “ที่ผ่านมาสหรัฐอเมริกาไม่เคยมีอุตสาหกรรมด้านการสร้างอาวุธมาก่อนเลย แต่เพื่อความอยู่รอด เราจำเป็นต้องสร้างอาวุธ และเนื่องจากเป็นของใหม่ ดังนั้นต่อไปในภายภาคหน้าอุตสาหกรรมด้านการผลิตอาวุธจะมีอิทธิพลครอบคลุมไปในวงกว้างไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม และ ยังจะมีผลกระทบต่อคนอเมริกันทุกๆคนอีกด้วย”
อีกทั้งประธานาธิบดีไอเซนฮาวร์ยังได้กล่าวตักเตือนล่วงหน้าเพิ่มเติมเอาไว้อีกด้วยว่า “รัฐบาลสหรัฐฯจะต้องวางแผนป้องกันอย่างสุดความสามารถ เพื่อมิให้เกิดการแอบแฝงเข้าไปแสวงหาอิทธิพลและผลประโยชน์โดยมิชอบ”
และครั้งที่ประธานาธิบดีไอเซนฮาวร์ ยังดำรงอยู่ในตำแหน่งนั้น ถือเป็นช่วงที่เศรษฐกิจมีความเจริญเติบโตสูงมาก แต่ประเทศอื่นๆที่เคยเป็นมหาอำนาจไม่ว่าจะเป็น อังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาลีหรือแม้กระทั่ง เยอรมนี เศรษฐกิจกลับจมดิ่งพังทลายลง!!!
อย่างไรก็ตามในยุคสมัยที่ประธานาธิบดีไอเซนฮาวร์ บริหารประเทศอยู่นั้น ปรากฏว่าสหรัฐฯสงบสุขไม่เคยมีสงครามกับนานาประเทศ แต่กลับปรากฏว่านักวิจารณ์มักจะออกมากล่าวโจมตีท่านในทำนองที่ ว่า“ประธานาธิบดีไอเซนฮาวร์ไม่ลงมือทำอะไรเลย”
เมื่อเวลาผ่านไปนักประวัติศาสตร์ได้ค้นพบเบื้องหลังการทำงานของประธานาธิบดีไอเซนฮาวร์ในช่วงแปดปีอย่างละเอียดมากขึ้น กลับปรากฏว่า ด้านลบต่างๆที่พวกเขามีความคิดเห็น ค่อยๆเปลี่ยนไป โดยเมื่อปีค.ศ. 1962 สำนักหยั่งเสียงแห่งหนึ่งรายงานว่า นักประวัติศาสตร์จัดอันดับประธานาธิบดีไอเซนฮาวร์ให้อยู่ในอันดับความศรัทธานิยมชมชอบที่ 22 แต่ในปีค.ศ. 1994 สำนักหยั่งเสียงของ C-SPAN ได้ออกมารายงานว่า นักประวัติศาสตร์จัดให้ท่านอยู่ในอันดับที่ 8
ถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านไปหกสิบกว่าปีแล้วก็ตาม แต่ตราบเท่าทุกวันนี้งบประมาณทหารของสหรัฐฯได้เพิ่มขึ้นทุกๆปีเหมือนดั่งกับที่ประธานาธิบดีไอเซนฮาวร์เคยกล่าวทำนายเอาไว้ โดยสภาคองเกรสไม่สามารถทำอะไรได้นอกเสียจากคอยตอบสนองความต้องการของกองทัพสหรัฐฯแบบไม่อั้น!!!
อนึ่งก่อนที่ไอเซนฮาวร์ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี ท่านได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำอีกแห่งหนึ่งของสหรัฐฯ เท่ากับว่าท่านมีบทบาททางด้านวิชาการจนสามารถสร้างเครือข่ายปูทางเดินเข้าสู่แวดวงการเมือง และต่อมาท่านก็ได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนของพรรครีพับลิกัน โดยได้รับเลือกเข้าสู่ทำเนียบขาวด้วยคะแนนเสียงท่วมท้นถล่มทลาย!!!
และเป็นที่น่าสังเกตว่าสมัยที่ประธานาธิบดีไอเซนฮาวร์อยู่ในตำแหน่งประธานาธิบดีนั้น เนื่องจากท่านไม่เคยมีประวัติด่างพร้อยใดๆเลย ฉะนั้นจึงไม่แปลกแต่อย่างใดที่ตามผลสำรวจของ C-SPAN ซึ่งเป็นเคเบิลดาวเทียมที่ให้บริการแก่สาธารณะแบบไม่แสวงหาผลกำไรออกมารายงานว่า ในปี 2021 นักประวัติศาสตร์อเมริกันจำนวน 142 คนได้จัดอันดับให้ ประธานาธิบดีไอเซนฮาวร์เป็นประธานาธิบดีที่มีความโดดเด่นใน อันดับที่ 5 ซึ่งพวกเขาพิจารณาจากคุณสมบัติ 10 ข้อด้วยกันอันได้แก่ ภาวะการเป็นผู้นำ ความสามารถในการพูดจาโน้มน้าวจูงใจให้คนอเมริกันเชื่อถือ ภาวะผู้นำในภาวะวิกฤติ การบริหารจัดการเศรษฐกิจ การมีคุณธรรม ความสามารถด้านการต่างประเทศ ทักษะการบริหาร ความสัมพันธ์กับรัฐสภา วิสัยทัศน์ การวางเป้าหมาย แสวงหาความยุติธรรมให้มีความเท่าเทียมกันในสังคม
อนึ่งนักประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯก็ได้จัดให้ “ประธานาธิบดีบารัก โอบามา” อยู่ในอันดับความยอดนิยมที่ 10 “ประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอล์น” มาเป็นอันดับ 1 และปรากฏออกมาว่า “ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์” ถูกจัดให้อยู่ที่โหล่รั้งท้ายในอันดับที่ 45 เพราะมีความประพฤติย่ำแย่ที่สุดทั้งทางด้านศีลธรรม และการบริหารจัดการประเทศ!!!
คราวนี้ขอวกกลับมาวิเคราะห์ถึงความสัมพันธ์อย่างไม่เป็นทางการระหว่างกองทัพสหรัฐฯที่มีต่อรัฐสภา โดยฝ่ายอุตสาหกรรมด้านการผลิตอาวุธได้ออกมาล็อบบี้ผนึกความสัมพันธ์อย่างเหนียวแน่นกับบรรดาวุฒิสมาชิกในรัฐสภา เพื่อต้องการให้พวกเขายกมือสนับสนุนการผลิตอาวุธให้มีความทันสมัยที่สุดในโลก
การทุ่มเทงบประมาณมหาศาลในการค้นคว้าวิจัย โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย นับว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการเพิ่มศักยภาพทางด้านเศรษฐกิจอีกด้วย ที่มองๆไปแล้วแทบจะไม่มีประเทศใดๆในโลกสามารถแข่งขันกับสหรัฐอเมริกาได้เลย
ทั้งนี้การค้นคว้าวิจัยไม่จำกัดเฉพาะแค่เพียงอุตสาหกรรมด้านการผลิตอาวุธอย่างเดียวเท่านั้น แต่สถาบันการศึกษาต่างๆได้รับทุนการศึกษาวิจัยด้วยเงินก้อนโตมหาศาลในการส่งเสริมค้นคว้าวิจัยอีกด้วย
อย่างไรก็ตามการค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับศักยภาพของอาวุธต่างๆ ย่อมมีความสัมพันธ์กับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่หลีกเลี่ยงไม่พ้น และจากข้อมูลของ Statista เมื่อปีค.ศ. 2020 ได้เปิดเผยว่า บริษัทผลิตอาวุธที่ติดอันดับยอดนิยมหนึ่งในห้าของสหรัฐฯจ้างพนักงานมากเกือบเจ็ดแสนคน อีกทั้งยังมีธุรกิจหลายหมื่นบริษัททั้งเล็กและใหญ่ที่ต่างก็เป็นลูกค้าข องกระทรวงกลาโหม โดยงบประมาณของกระทรวงกลาโหมเมื่อปี 2020 เป็นเงินถึง 11% ของยอดงบประมาณทั้งหมดของรัฐบาลกลางเลยทีเดียว
กล่าวโดยสรุปทั้งนี้และทั้งนั้นเนื่องจากประธานาธิบดีไอเซนฮาวร์ อยู่ในตำแหน่งระหว่างวันที่ 20 มกราคม 1953 จนถึงวันที่ 20 มกราคม 1961นับว่าเป็นช่วงที่สหรัฐฯไม่มีสงครามและเป็นช่วงที่สหรัฐฯมีการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจสูง แต่ดูเหมือนว่าคนอเมริกันกลับไม่พึงพอใจ มองไปว่าท่านเป็นประธานาธิบดีที่อ่อนแอ แต่เมื่อเวลาผ่านไปหกสิบกว่าปีเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ประธานาธิบดีไอเซนฮาวร์เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯที่มีสายตากว้างไกล รักสันติภาพ เข้าใจการเติบโตของกองทัพอเมริกันที่คนทั่วไปยังไม่เข้าใจ รวมถึงท่านยังสามารถวิเคราะห์ได้อย่างถูกต้องแม่นยำเรื่องการทหารในอนาคตว่า จะเติบโตแบบไม่มีขอบเขต อีกทั้งท่านยังหวังต้องการที่จะสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ ถึงกับออกมากล่าวเตือนล่วงหน้านับว่าสมเหตุสมผลและรอบคอบถี่ถ้วนด้วยละครับ