นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในฐานะโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ เปิดเผยว่า ยอดการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปในเดือน พ.ย.64 อยู่ที่ 98,829 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน 32.60% และเพิ่มขึ้น 21.15% จากเดือนต.ค.64 คิดเป็นมูลค่าการส่งออกรถยนต์ 57,737 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.30% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน สูงสุดในรอบ 8 เดือน โดยการส่งออกเพิ่มขึ้นทุกตลาด ซึ่งสามารถส่งออกได้เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก โดยยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป ช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-พ.ย.64) อยู่ที่ 857,887 คัน เพิ่มขึ้น 28.55% จากช่วงเดียวกันของปี 2563 มูลค่าการส่งออก 500,159 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 34.56% ด้านยอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศ เดือนพ.ย.64 อยู่ที่ 71,716 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 3.2% แต่เพิ่มขึ้น 11.25% จากเดือน ต.ค.64 สูงสุดในรอบ 8 เดือนเช่นกัน เนื่องจากประชาชนเชื่อมั่นรายได้ในอนาคตมากขึ้นจากการผ่อนคลายการล็อกดาวน์เพิ่มขึ้น การเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว และโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ของรัฐบาล รวมถึงการเยียวยาผลกระทบจากโควิด-19 สำหรัยอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศ ช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ รวมทั้งสิ้น 668,520 คัน ลดลง 2.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ดี ยอดจำหน่ายรถยนต์ดังกล่าว ยังไม่รวมยอดจองรถในงานมอเตอร์โชว์ของเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งในงานนี้มียอดจองรถยนต์ 31,583 คัน ยอดจองรถจักรยานยนต์ 5,253 คัน ซึ่งหากรวมกับยอดจำหน่ายรถยนต์ของเดือนธ.ค.64 ที่คาดว่าจะได้ราว 7-8 หมื่นคัน เชื่อว่าทั้งปีนี้ ยอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 7.5 แสนคัน ขณะที่ยอดผลิตรถยนต์ในเดือน พ.ย.64 ผลิตได้ 165,353 คัน ซึ่งแม้จะสูงสุดในรอบ 12 เดือน แต่ลดลง 4.12% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน ขณะที่เพิ่มขึ้น 7.35% จากเดือนต.ค.64 ส่งผลให้ในช่วง 11 เดือนปีนี้ มียอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 1,531,337 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 19.26% ซึ่งทำให้เชื่อมั่นว่าในปีนี้ จะสามารถผลิตรถยนต์ได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 1.6 ล้านคันอย่างแน่นอน "ยอดการผลิตรถยนต์เดือนพ.ย. ถือว่ายอดไม่ผิดหวัง แม้จะมีปัญหาขาดแคลนชิปบางรุ่นในรถยนต์นั่ง ส่วนยอดผลิตรวม 11 เดือนแรก อยู่ที่ 1,531,337 คัน ก็เชื่อว่าทั้งปีนี้ การผลิตจะทะลุเป้าที่ตั้งไว้ 1.6 ล้านคันแน่นอน" ทั้งนี้ในปี 2565 ยอดการผลิตรถยนต์สำเร็จรูปจะอยู่ที่ราว 1.7-1.8 ล้านคัน แบ่งเป็นยอดผลิตเพื่อการจำหน่ายในประเทศ 8.0-8.5 แสนคัน และยอดผลิตเพื่อการส่งออก 9.0-9.5 แสนคัน ทั้งนี้เป้าหมายดังกล่าวขึ้นกับปัจจัยสำคัญ 2 ประการ คือ 1.สถานการณ์ระบาดในทั่วโลกของไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่โอไมครอนว่าจะมีความรุนแรงมากน้อยเพียงใด 2.ปัญหาการขาดแคลนชิปในการผลิตรถยนต์บางรุ่น ซึ่งเป็นอีกปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ "เราตั้งเป้ายอดผลิตรถยนต์ปีหน้าไว้ที่ 1.7 - 1.8 ล้านคัน แต่ต้องขึ้นอยู่กับว่าสถานการณ์ระบาดของโอไมครอนจะรุนแรงมากน้อยแค่ไหน รวมถึงปัญหาการขาดแคลนชิปด้วย ถ้าสถานการณ์ปีหน้า ยังเป็นแบบตอนนี้ คือสามารถเปิดประเทศได้ ไม่มีการล็อกดาวน์ ก็น่าจะทำได้ตามยอดทั้งตั้งไว้"