นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า กรณีที่ ‘บาส-เดชาพล’ และ ‘ปอป้อ-ทรัพย์สิรี’ คว้าแชมป์โลกแบดมินตันคู่ผสม จนสร้างประวัติศาสตร์เป็นคนไทยคู่แรกที่ได้แชมป์โลกแบดมินตันได้สำเร็จ ครองตำแหน่งมือ 1 ของโลกเมื่อสิ้นสุดการแข่งขันในปีนี้ ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจและเป็นเกียรติภูมิของชาติเป็นอย่างยิ่ง แต่ทว่าในการทำพิธีมอบรางวัลและเชิญธงชาติผู้ชนะ กลับไม่มีการเชิญธงชาติไทยขึ้นสู่ยอดเสาแต่อย่างใด กลับต้องใช้ธงที่เขียนว่า BAT (Badminton Association of Thailand) ของสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทย ขึ้นสู่ยอดเสาแทนนั้น
กรณีดังกล่าว เป็นผลมาจากการทำผิดกฎขององค์กรต่อต้านสารกระตุ้นโลก หรือ WADA ที่เคยมีคำเตือนมายังไทยถึงบทลงโทษตั้งแต่ปลายปี 2563 ที่ผ่านมาว่า หากไม่มีการแก้ไขปัญหาให้สอดคล้องกับกฎหรือ Code ของ WADA ไทยจะถูกแบนห้ามจัดการแข่งขันทุกชนิดกีฬาในระดับนานาชาติ ส่วนนักกีฬาแม้ว่าจะได้รับอนุญาตให้แข่งขันในระดับภูมิภาค ระดับทวีป และระดับโลกได้ตามปกติ แต่จะไม่สามารถใช้ธงประจำชาติแข่งขันในรายการที่ IOC และ WADA เป็นผู้ดูแลจัดการแข่งขันได้
ทั้งนี้กฎใหม่ของ WADA มีการระบุเรื่อง "นิยามการระบุโทษ" โดยกล่าวว่า โค้ชคนไหนที่มีส่วนกับการโด๊ปในประเทศนั้น ต้องมีบทลงโทษทางกฎหมายด้วย และห้ามทำงานเกี่ยวข้องกับกีฬาโดยสิ้นเชิง แต่กฎหมายของไทยใน พรบ.ควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา 2555 กลับไม่มีในจุดนี้ อีกทั้งองค์การต่อต้านสารกระตุ้นไทย(DCAT) ตามกฎหมายยังขึ้นตรงอยู่กับการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ซึ่งเป็นเรื่องที่ถูกท้วงติงด้วย เพราะในมุมของ WADA ต้องการให้ DCAT เป็นองค์กรเอกเทศ ไม่สังกัดหน่วยงานที่เกี่ยวกับกีฬาของประเทศด้วย
ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นความอับอายไปทั่วโลก อันมีผลมาจากผู้ที่รับผิดชอบต่อเรื่องดังกล่าวละเลย เพิกเฉยต่อการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายให้สอดรับกับกฎของ WADA ซึ่งจะปฏิเสธความรับผิดชอบไปไม่ได้ นั่นคือ ประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและการกีฬา และผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ที่รู้ทั้งรู้ว่าจะเกิดกรณีดังกล่าวขึ้นแน่นอนหากไม่เร่งรีบผลักดันการแก้ไขปัญหาให้สำเร็จโดยเร็ว ซึ่งมีช่องทางที่จะทำได้ง่ายที่สุด คือ การผลักดันการแก้ไขปัญหาโดยออกเป็น พรก. แต่รัฐบาลไทยกลับกลัวเกิดปัญหากันในสภาฯ แต่ไม่กลัวหรือละอายต่อภาพลักษณ์และเกียรติภูมิของชาติไทยที่เกิดขึ้นต่อวงการกีฬาโลกแต่อย่างใด
ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เห็นว่าเป็นเรื่องที่เข้าข่ายความผิดเกี่ยวกับจริยธรรมอย่างร้ายแรง จึงจะนำความไปร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. ซึ่งมีอำนาจและหน้าที่ในการไต่สวนเอาผิดในเรื่องดังกล่าวโดยตรงในวันพุธที่ 22 ธ.ค.64 เวลา 10.00 น. ณ สำนักงาน ป.ป.ช.นนทบุรี