"กนก" ขอของขวัญปีใหม่ให้ปชช. 2 เรื่อง ห้ามคนโกงได้รับพระราชทานอภัยโทษ ชี้ทำได้ทันที ไม่ต้องรอผลศึกษา เตือน ระวังถูกกล่าวหาซื้อเวลา แนะ ดันเศรษฐกิจ BCG จริงจัง ไม่ใช่แค่ยุทธศาสตร์บนหน้ากระดาษ สร้างมิติใหม่การเมือง นำโมเดล 9 จังหวัด ใช้นวัตกรรม เทคโนโลยี เพิ่มรายได้ประชาชน 1 หมื่นบาทต่อครัวเรือน ไปต่อยอด ก้าวข้ามความเป็นพรรค เลิกสะดุดเพราะอยู่คนละขั้ว วันที่ 14 ธ.ค.64 ศ.ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ครม.เตรียมพิจารณาของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชนในวันที่ 21 ธันวาคมนี้ว่า เรื่องของการลดแลกแจกแถม ที่ดำเนินการอยู่ก็สามารถเดินต่อได้ แต่สิ่งที่อยากให้รัฐบาลกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อเป็นของขวัญที่ยั่งยืนให้กับประชาชนมีสองเรื่อง คือ การกำหนดนโยบายปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันที่ชัดเจน ว่า คนทุจริตโกงบ้านกินเมือง ต้องไม่อยู่ในข่ายที่จะได้รับพระราชทานอภัยโทษ ไม่ใช่ปล่อยให้มีการลดโทษอย่างต่อเนื่อง จนรับโทษจริงไม่ถึง 20 % ของอัตราโทษที่ศาลฎีกาฯมีคำพิพากษา เช่น กรณีกลุ่มคนโกงจำนำข้าว โดยเชื่อว่าจะเป็นนโยบายที่โดนใจประชาชน เพราะจากการสำรวจความเห็นประชาชนล่าสุดของ ซูปเปอร์โพล พบว่าสิ่งที่ประชาชนอยากได้เป็นของขวัญปีใหม่ด้านความมั่นคงคือ การหยุดทุจริต คอร์รัปชัน ส่วนอีกเรื่องหนึ่งที่อยากให้รัฐบาลผลักดันวาระแห่งชาติ เรื่อง เศรษฐกิจ BCG ที่เคยประกาศไว้ตอนต้นปีอย่างจริงจัง เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชนในปีหน้า โดยต้องมีแผนงานให้ชัด ไม่ใช่กำหนดแค่ยุทธศาสตร์สวยหรูบนหน้ากระดาษ แต่ยังยากจะจับต้องได้ จึงอยากให้มีโครงการนำร่องที่ชัดเจน เล็งเห็นผลในทางปฏิบัติ มีตัวชี้วัดในการประเมิน โดยสามารถนำโมเดล 9 จังหวัด ใช้นวัตกรรม เทคโนโลยี เพิ่มรายได้ประชาชน 1 หมื่นบาทต่อครัวเรือน ที่คณะกรรมาธิการการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจัย และนวัตกรรม สภาผู้แทนราษฎร มาต่อยอด ซึ่งจะเป็นอีกมิติใหม่ของการทำงานการเมืองร่วมกันระหว่างสภาผู้แทนราษฎรและรัฐบาล โดยไม่มีพรรคการเมืองหรือคำว่าฝ่ายค้านฝ่ายรัฐบาลเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ยึดบนผลประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชนเป็นสำคัญ “จะทำสิ่งเหล่านี้ได้ เจตจำนงของผู้นำรัฐบาลมีส่วนสำคัญที่สุด จึงอยากให้นายกรัฐมนตรี ได้พิจารณาทั้งสองเรื่องนี้คือ ไม่ให้คนโกงได้รับพระราชทานอภัยโทษ ซึ่งไม่ควรใช้เวลานาน การที่นายกรัฐมนตรีมีคำสั่งให้ทบทวนเป็นเรื่องดี แต่ถ้าล่าช้าไปก็จะถูกกล่าวหาได้ว่าซื้อเวลา ในความเห็นผมคิดว่า สามารถกำหนดนโยบายได้เลยว่าต่อไปพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ จะกำหนดให้ผู้ต้องโทษในคดีทุจริต ไม่อยู่ในข่ายได้รับพระราชทานอภัยโทษ เช่นเดียวกับคดียาเสพติด แบบนี้ทำได้ทันที ไม่ต้องรอผลศึกษาเลย กับอีกเรื่องหนึ่งคือ การผลักดันเศรษฐกิจ BCG แบบลงลึกเป็นโครงการ แทนการพูดในภาพกว้าง ให้เป็นวาระแห่งชาติที่แท้จริง เป็นของขวัญที่ยั่งยืนให้กับประชาชน ทั้งการปราบโกงและการสร้างรายได้ให้ประชาชน ซึ่งรัฐบาลต้องทุ่มงบประมาณมาทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง ด้วยการใช้นวัตกรรม เทคโนโลยี งานวิจัย ไปต่อยอดให้ปากท้องประชาชนอิ่ม ไม่ใช่เป็นแค่งานวิจัยขึ้นหิ้ง” ศ.ดร.กนก กล่าว