สำหรับผลการวิจัย และ บทวิเคราะห์โดย Economist Impact ล่าสุด ซึ่งจัดทำขึ้นให้กับ Airbnb ได้สำรวจ 4,500 คนใน 9 ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รวมถึงประเทศไทย พบว่า ส่วนใหญ่ต้องการเดินทางในรูปแบบที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชนท้องถิ่นทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม พร้อมต้องการสัมผัสประสบการณ์ เรียนรู้ และ ซึมซับความเป็นอยู่ของชุมชนที่ไปเยือน ซึ่งการท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว กำลังเปิดโอกาสใหม่ๆ ทางเศรษฐกิจและสังคมให้แก่จุดหมายปลายทางในชนบท และพบว่า คนไทยมากกว่า 90% ระบุว่า การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง โดยเกือบ 2 ใน 3 ของทั้งหมดบอกว่า พวกเขาจะคำนึงถึงแนวทางปฏิบัติเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในแผนท่องเที่ยว และยินดีจ่ายมากขึ้นเพื่อแลกกับประสบการณ์การท่องเที่ยวแบบยั่งยืน ทั้งนี้ นางมิช โกห์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายสาธารณะ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Airbnb กล่าวว่า การเดินทางที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้ได้สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนเปิดรับกับความยืดหยุ่น มองหาการใช้ชีวิตและการเดินทางแบบใหม่ๆ และทำให้เกิดเป็นแนวทางของนักเดินทางที่มีความใส่ใจมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เกิดการตื่นตัวในเรื่องของการเชื่อมต่อและเรื่องเศรษฐกิจ ผู้คนจึงได้เริ่มคิดและไตร่ตรองมากขึ้นถึงวิธีการเดินทางในการสร้างประโยชน์เชิงบวกให้กับชุมชนที่พวกเขาไปเยือน นักเดินทางเหล่านี้จะคิดอย่างถี่ถ้วนว่าจะใช้จ่ายเงินในการท่องเที่ยวให้เกิดประโยชน์สูงสุดและส่งเสริมเศรษฐกิจเมืองและชุมชนได้อย่างไร นอกจากนั้น ยังต้องการซึมซับกับขนบธรรมเนียมวิถีชีวิตต่างๆ ในชุมชนเหล่านั้นและเชื่อมความสัมพันธ์ที่ดีในขณะเดียวกันก็อยากเป็นส่วนหนึ่งในการลดผลกระทบด้านลบที่ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้นอีกด้วย ซึ่งการเดินทางในรูปแบบของนักเดินทางมีความใส่ใจมากขึ้น หรือ ที่เรียกว่า conscious traveller มีอัตราเพิ่มขึ้นซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงโอกาสที่มากขึ้นสำหรับชุมชน ที่ไม่เพียงแต่จะทำให้เศรษฐกิจในท้องถิ่นนั้นเติบโตจากการฟื้นตัวของการเดินทางท่องเที่ยว แต่ยังเป็นการต้อนรับรูปแบบการพัฒนาการท่องเที่ยวที่ทุกคนได้มีส่วนร่วมและก่อให้เกิดความเชื่อมโยงอย่างแท้จริง ซึ่งการศึกษานี้ได้ตรวจสอบทัศนคติต่อการเดินทางแบบองค์รวมอย่างยั่งยืน โดยครอบคลุมด้านสังคม เศรษฐกิจ วัฒนธรรม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม โดยในประเทศไทยนั้น ผู้ตอบแบบสำรวจระบุว่า การสร้างผลลัพธ์และรายได้ที่เท่าเทียมกันให้กับคนในท้องถิ่น และการได้รับประสบการณ์ทางสังคมใหม่ๆ และความสัมพันธ์ใหม่ๆ ที่มีความหมาย เป็นสองเหตุผลสำคัญที่สุดของการเดินทางอย่างยั่งยืน โดยงานวิจัยของ Economist Impact ได้พบข้อมูลที่น่าสนใจดังนี้ 1.ประมาณ 72% ของคนไทยที่ตอบแบบสำรวจ เห็นว่าสิ่งสำคัญในการเดินทางของพวกเขาคือ ต้องมีส่วนช่วยในการสร้างเศรษฐกิจท้องถิ่น ซึ่งผู้ตอบแบบสำรวจฯ ได้นิยามการสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับคนในท้องถิ่น คือ การเรียนรู้ ซึมซับความเป็นชุมชนของท้องถิ่นนั้นๆ และตระหนักในการใช้จ่ายเงินโดยคำนึงว่าการใช้จ่ายนั้นจะเป็นประโยชน์ต่อชุมชนท้องถิ่นด้วยหรือไม่ เกือบ 70% ตระหนักดีว่าชุมชนต่างๆ จำเป็นต้องได้รับการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจ และจะคำนึงถึงปัจจัยนี้ในการเดินทางและการใช้จ่ายเงิน ประมาณ 72% ระบุว่าพวกเขามีความตระหนักมากขึ้นเมื่อต้องทำความคุ้นเคยกับสิ่งสำคัญที่มีต่อชุมชนที่ไปเยือน และวิธีที่สามารถมีส่วนร่วมต่อชุมชนนั้นๆ ได้ ขณะที่ 68 % ให้ความสำคัญกับการใช้การเดินทางเพื่อเชื่อมต่อทางวัฒนธรรมกับชุมชนต่างๆ และมากกว่า 2 ใน 3 ระบุว่า สิ่งที่สำคัญอีกสิ่งหนึ่งคือ พวกเขาจะไม่เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างปัญหาต่างๆ เช่น การทำให้เกิดภาวะนักท่องเที่ยวล้นเมือง นอกจากนี้ยังพบข้อมูลที่สะท้อนว่า การเดินทางที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วจะสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้แก่พื้นที่ชนบท เนื่องจากปัจจุบันนักเดินทางเปิดกว้าง พร้อมยอมรับวิธีเดินทางและการใช้ชีวิตในรูปแบบใหม่กันมากขึ้น โดยกว่า 70 % ของชาวไทยที่ตอบแบบสำรวจ วางแผนที่จะเดินทางบ่อยขึ้นเพื่อเปิดประสบการณ์และท่องเที่ยวในเขตชนบทที่ปัจจุบันไม่ได้เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว ส่วน 60% วางแผนที่จะใช้ชีวิตแบบ workcation หรือทำงานทางไกล ด้วยการเลือกที่จะไปเยือนจุดหมายปลายทางใหม่ๆ มากยิ่งขึ้น และเกือบ 2 ใน 3 วางแผน และจัดสรรงบค่าใช้จ่ายในการเดินทางภายในประเทศของตนมากขึ้น อย่างไรก็ตาม นายประติมา ซิงก์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายนโยบายและข้อมูลเชิงลึก Economist Impact ของ Airbnb กล่าวว่า หลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 นักเดินทางท่องเที่ยวต่างคำนึงถึงความหมายด้านทางเลือกและการตัดสินใจที่จะเดินทางของตนมากขึ้น จากผลการวิจัยแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่ผู้คนตัดสินใจเลือกการเดินทางอย่างยั่งยืนเพิ่มขึ้น ทั้งในด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม และหวังว่าจะสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกมากขึ้น ด้วยการทำประโยชน์ให้แก่ชุมชนที่ไปเยือน ดังนั้น ทาง Airbnb จึงมุ่งมั่นในการทำงานและให้ความร่วมมือกับทางภาครัฐและชุมชนท้องถิ่นต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อหาแนวทางปฏิวัติการเดินทางสร้างประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืนให้แก่ทุกคน โดยทางภาคอุตสาหกรรมและภาครัฐได้ร่วมมือกันมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการสร้างโอกาสในการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในครั้งนี้