วันที่ 27 พ.ย.2564 นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ออกแถลงการณ์ถึงแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย มีข้อความว่า "การที่องค์กรแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ออกแคมเปญรณรงค์ชวนคนไทยและคนทั่วโลกบอกรัฐบาลไทยให้ยุติการดำเนินคดีต่อนักกิจกรรมผู้เป็นจำเลยในคดีอาญานั้น เป็นการส่งเสริมการละเมิดสิทธิภายใต้หน้ากากขององค์กรสิทธิมนุษยชน "ในประเทศที่เป็นนิติรัฐทั้งหลาย บุคคลจะมีเสรีภาพทำได้ทุกอย่าง เว้นแต่สิ่งที่กฎหมายห้ามไว้ สิ่งที่กฎหมายห้ามนั้นไม่ใช่เป็นการละเมิดสิทธิ หากเป็นไปเพื่อปกป้องสิทธิของประชาชนทุกคนในการอยู่ร่วมกันอย่างสงบ แต่ในช่วงเวลากว่าหนึ่งปีที่ผ่านมาเราได้เห็นการละเมิดทั้งกฎหมายและการละเมิดสิทธิของผู้อื่นมากมายโดยอ้างคำว่า “เสรีภาพ” ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุมในช่วงเวลาที่มีกฎหมายห้ามด้วยเหตุผลเพื่อการควบคุมโรคระบาด การแสดงออกที่เป็นการละเมิดสถาบันหลักของชาติและเกินเลยไปถึงการก่อความไม่สงบ ปาระเบิด ปาประทัด ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่เผาทรัพย์สินราชการก่อความเดือดร้อนรำคาญรบกวนความเป็นอยู่อันปกติสุขของชาวบ้านในเขตที่พักอาศัย โดยตลอดเวลาที่ผ่านมาการกระทำเหล่านี้ได้รับการส่งเสริมให้ท้ายโดยองค์กรที่เรียกตัวเองว่าองค์กรสิทธิมนุษยชน พฤติกรรมที่อ้างเสรีภาพมาละเมิดสิทธิผู้อื่นโดยไม่แยแสกฎหมายไม่อาจเรียกว่า “ประชาธิปไตย” แต่เป็น “อนาธิปไตย” การส่งเสริมการละเมิดกฎหมายและเรียกร้องให้ละเว้นการใช้กฎหมายไม่อาจเรียกว่าเป็นการ “ปกป้องสิทธิ” แต่เป็นการ “ส่งเสริมการละเมิดสิทธิ” ผมขอยืนยันว่าองค์กรที่มีพฤติกรรมดังกล่าวไม่ควรมีที่อยู่ที่ยืนในสังคมประชาธิปไตย ถ้าไม่ยึดหลักกฎหมายไทย ยังออกมามีท่าทีเคลื่อนไหวทำลายความมั่นคงแห่งรัฐไทย คนไทยคงทนไม่ไหวอาจจะจัดการขั้นเด็ดขาด ถึงวันนั้นจะสายเกินเยียวยาและพบจุดจบที่ไม่สวยงามอย่างแน่นอน"