ดนตรี / รุ่งฟ้า ลิ้มหัสนัยกุล ตั้งแต่เปิดตัวเข้าโลกดนตรีเมื่อปี 2008 เธอใช้ตัวเลขอายุเป็นชื่ออัลบั้มมาโดยตลอด เริ่มด้วย 19 งานเปิดตัวนักร้องสาวร่างใหญ่น้ำเสียงทรงพลังในแนวเพลงโซลผิวขาวที่มีส่วนผสมของป๊อป, โฟล์ค-ร็อก และแจ๊ซ ซึ่งต่อมากลายเป็นหนึ่งในนักร้องหญิงที่ทรงอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งของทศวรรษ 2000s-2010s ผลงานลำดับต่อมาของเธอ 21 เอนเอียงมาในทางป๊อปมากขึ้น กับเพลงฮิทระเบิดอย่าง “Rolling in the Deep”, “Someone Like You” และ “Turning Tables” ฯลฯ คว้ารางวัลอัลบั้มยอดเยี่ยมแห่งปีทั้ง แกรมมี่ และ บริท อะวอร์ดส์ ตอกย้ำด้วย 25 กับ “Hello” เพลงที่ทำสถิติซิงเกิลขายเร็วที่สุดในแพลทฟอร์มดิจิทอลในสหรัฐอเมริกา เช่นเดียวกัน คว้ารางวัลอัลบั้มยอดเยี่ยมมาครองอีกครั้ง หกปีผ่านไป อเดล กลับมาพร้อมรูปโฉมใหม่ที่ผอมเพรียวกว่าเดิมมาก แต่นั่นไม่ได้ส่งผลอันใดกับเสียงร้องเมซโซ-โซปราโนของเธอ มันยังคงทรงพลังและน่าฟังเหมือนเดิม แน่นอน การตีความเพลงเหนือชั้น อารมณ์มาเต็มแต่ไม่ล้นเกิน ชุดนี้ เธอทำงานร่วมกับ เกร็ก เคอร์สติน โปรดิวเซอร์มือรางวัลที่เคยร่วมงานกันมาแล้วใน 25 และสามนักแต่งเพลง/โปรดิวเซอร์ชาวสวีเดนอย่าง แม็กซ์ มาร์ติน, เชลล์แบ็ค และ ลุดวิก โกรันส์สัน เป็นส่วนใหญ่ องค์รวมของ 30 เป็นป๊อป-โซลลูกผสมสไตล์ อเดล มีที่แตกต่างบ้างก็คงเป็นเพลงหัว-ท้าย “Strangers by Nature” กับ “Love is a Game” ซึ่งมาในโทนเพลงประกอบภาพยนตร์ต่างยุค เพลงแรกชวนให้นึกถึงบรรยากาศหนังเพลงยุค 1950s ส่วนเพลงหลังใหม่ขึ้นหน่อย ราวๆยุค 1970s มาในทางโซลไพเราะ ส่วนเพลงอื่นๆระหว่างทางนั้น อเดล จัดเรียงแบบไม่ให้เกิดความรู้สึกอยากกดข้าม มีแต่เปิดทิ้งไว้แล้วต้องเงยหน้าขึ้นมาดูชื่อเพลงในครั้งแรก-เท่านั้นเอง เพราะได้แรงบันดาลใจจากการแยกทางเดินกับสามี เพลงใน 30 จึงเป็นเหมือนการจดบันทึกความรู้สึกที่ประดังประเดเข้ามา อย่าง “My Little Love” โซลเข้มๆที่ให้ความรู้สึกหม่นเศร้าตั้งแต่โน้ตแรก เพลงที่เธอใช้บอกลูกชายเรื่องการเลิกร้าง เสียงร้องของ อเดล ในเพลงนี้แตกสลาย ได้ยินเสียงสะอื้นไห้ลึกๆในความพยายามจะเข้มแข็ง หรือ “Woman Like Me” ที่เหมือนจะบอกว่าเมื่อไม่รักกัน ก็หาเรื่องต่างๆมาเป็นข้ออ้างได้มากมาย หรือ “To Be Loved” เพลงช้าๆที่มีแค่เสียงร้องโหยไห้กับเสียงเปียโน เทียบกับ “Easy on Me” ที่อารมณ์คล้ายกัน เพลงนี้บาดลึกและหนาวเยือกอย่างน่าประหลาด-เสียยิ่งกว่า ใช่จะมีแต่เพลงบีบอารมณ์ อัลบั้มนี้ยังมีเพลงสีสว่าง สดใส และคึกคักรวมอยู่ด้วย ไม่ว่าจะเป็น “Cry Your Heart Out” อาร์แอนด์บีที่มีกลิ่นเรกเก้เจือจางเบาๆ จังหวะเพลงนี้น่ารักทีเดียว ราวกับว่าเธอพร้อมแล้วสำหรับการเป็นคนใหม่ เช่นเดียวกับ “Oh My God” โซลร่วมสมัยที่ฟังแล้วอยากออกไปเต้น, “Can I Get it” เพลงนี้แปลกมาในทางโฟล์ค-ร็อคสนุกๆ และ “I Drink Wine” ฟังนานๆแล้วอาจเมาเสียงร้องของเธอได้ ส่วน “All Night Parking” ผสมแจ๊ซเข้ามาได้สวยสด อารมณ์เพลงนี้เหมือนเธอกำลังตกหลุมรัก สัมผัสป๊อปของ อเดล แข็งแรงและใช้การได้ดีเหมือนอย่างที่เคยเป็นมานับตั้งแต่อัลบั้ม 21 ทุกเพลงในอัลบั้มใหม่ติดหูและฮัมตามได้ไม่ยาก (แต่ถ้าจะร้องให้ดีนี่-คงไม่เป็นกันทุกคน) เรียบเรียงทุกองค์ประกอบออกมาได้ปลอดโปร่ง ฟังเพลิน ได้ความรู้สึกหลากหลายตั้งแต่ใจสลายไปจนถึงการลุกขึ้นยืนอีกครั้งอย่างมั่นคง เหมือนอย่างที่เธอให้สัมภาษณ์นิตยสาร โว้ก (อังกฤษ) เอาไว้ว่า “ฉันรู้สึกว่าอัลบั้มนี้เป็นงานที่ทั้งทำลายตัวเอง ทบทวนตัวเอง แล้วก็มีอารมณ์ของการเอาชนะใจตัวเองด้วย” ภาพโดย: ไซมอน เอ็มเมทท์