วันที่ 25 พ.ย.2564 - นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์และนักเทววิทยาโพสต์ข้อมูลผ่าน เฟซบุ๊ก Thepmontri Limpaphayorm พร้อมภาพประกอบ โดยระบุว่า...ลาก่อนแอมเนสตี้ไทยแลนด์ ก่อนอื่นต้องมีความรู้ก่อนไปเรียกร้องให้ยกเลิกกิจการแอมเนสตี้ไทยแลนด์ โดยเฉพาะต้องพกพา “ระเบียบกระทรวงแรงวานและสวัสดิการสังคมว่าด้วยการเข้ามาดำเนินขององค์การเอกชนต่างประเทศในประเทศไทย พ.ศ.2541” ไปด้วย ผมทราบข่าวว่าวันนี้จะมี 6 กลุ่มองค์กรจะไปทำเนียบรัฐบาลเพื่อเรียกร้องให้ท่านนายกรัฐมนตรีขับแอมเนสตี้ไทยแลนด์ออกจากประเทศไทย ผมคิดว่าถ้าท่านนายกกล้าตัดสินใจสามารถทำได้โดยเร็วดังนี้ 1. กรณีเร่งด่วน! ท่านนายกทำคำสั่งให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมดำเนินการระงับใบอนุญาตประกอบกิจการองค์การเอกชน แอมเนสตี้ไทยแลนด์ได้ทันที 2.แต่ถ้าท่านนายกอยากจะทำแบบช้าๆก็คือ ออกคำสั่งให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม ส่งเรื่องต่อไปยัง “คณะกรรมการพิจารณาการดำเนินงานขององค์การเอกชนต่างประเทศ” (ประกอบไปด้วยหลายหน่วยงาน) ซึ่งหากผลสอบสวนออกมาอาจแค่ตักเตือน (ในกรณีที่แอมเนสตี้เส้นใหญ่) การสืบสวนเมื่อเสร็จสิ้นในกรณีเส้นใหญ่ อาจเป็นเพียงออกหนังสือ “ตักเตือนพฤติกรรม” ซึ่งทำให้แอมเนสตี้ไทยแลนด์อยู่ต่อได้ ใบอนุญาตให้แอมเนสตี้ไทยแลนด์ประกอบกิจการรับเงินบริจาคในประเทศไทยมีอายุ 2 ปี ต่ออายุก่อนหมดเวลาภายใน 90 วัน นอกเสียจากคณะกรรมการฯจะไม่ต่ออายุซึ่งแอมเนสตี้ฯสามารถอุธรณ์ไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานฯ ได้ ภายใน 30 วัน โดยอำนาจสิทธิ์ขาดเป็นของรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานมีอำนาจเป็นสิทธิ์ขาด พูดง่ายๆ ท่านนายกสั่งการให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานระงับใบอนุญาตประกอบกิจการขององค์การแอมเนสตี้ไทยแลนด์ได้เลยเป็นอันดับแรก แล้วค่อยสอบสวน แต่จะทำหรือไม่ก็อยู่ที่ตัวท่าน! ข้อหาที่มีต่อแอมเนสตี้และการทำผิดระเบียบมีมากมายหลายอย่างเช่น การออกมาโต้แย้งคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเพียงข้อเดียวก็ทำให้แอมเนสตี้ออกจากประเทศไทยได้แล้ว นี่ไม่นับรวมการเลือกข้างฝักใฝ่การเมือง ให้การสนับสนุนม็อบ และทำตัวเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของประเทศไทย ที่ทำการแอมเนสตี้ฯเลขที่ 139/21 ซอยลาดพร้าว 5 แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 เป็นที่เช่าประกอบกิจการ ถ้าเลิกก็เก็บของหอบเงินกลับ!