เมื่อเวลา 14.20 น. วันที่ 25 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ในการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสหน้า 2019 หรือศบค. ชุดใหญ่ในวันที่ 26 พ.ย. กระทรวงสาธารณสุข จะเสนอมาตรการเปิดประเทศระยะที่ 2 ซึ่งเดือนธ.ค. น่าจะมีมาตรการผ่อนคลายประเทศให้มีความสะดวกมากกว่าขึ้น เช่นการใช้ที่ตรวจ ATK มากขึ้น เมื่อเดินทางมาที่ประเทศไทยไม่ต้องตรวจแบบRT-PCR แต่ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศบค. ซึ่งคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ มีมติเห็นชอบในเรื่องดังกล่าวไปก่อนหน้านี้ เมื่อถามว่า กรณีที่ยุโรปล็อกดาวน์กันหลายประเทศ กระทรวงสาธารณสุขต้องเตรียมพร้อมอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า มาตรการของยุโรปไม่เหมือนของไทย เช่นเรายังไม่เปิดดูฟุตบอลในสนาม 5-6 หมื่นคน อัตราการฉีดวัคซีนของเราก็สูงกว่า ดังนั้นจึงนำมาเทียบกันไม่ได้ อย่างการเข้าประเทศของเราก็เข้มข้น ทำให้มั่นใจว่า หากไม่ใช่ลักลอบเข้าเมืองอย่างไรก็ตรวจสอบเจอเพื่อเข้าสู่การรักษา โดยงบประมาณเราก็ไม่ต้องเสีย เพราะเขามีประกันสุขภาพ แต่หากเราจะล็อกทุกอย่างเพื่อไม่ให้เกิดเคสเลย จะทำอะไรไม่ได้เลย ผู้คนทำมาหากินไม่ได้ เศรษฐกินเดินไม่ได้ มันก็ไม่ได้ เราต้องหาวิธีการที่ทุกมิติเดินไปได้ ส่วนสถานการณ์ยุโรปจะกระทบตัวเลขนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาประเทศไทยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า การที่เขาปิดประเทศ ก็ต้องมีผลระดับหนึ่ง เนื่องจากเขาไม่ให้คนของเขาเข้าออก แต่ของเราเปิดให้คนเข้ามาประเทศเรา ภายใต้กฎเกณฑ์ที่เราวางไว้ ก็สามารถเข้ามาได้ เมื่อถามว่าผับบาร์ คาราโอเกะ จะผ่อนคลายอย่างไร หลังผู้ประกอบการเรียกร้องให้เปิดวันที่ 1 ธ.ค. นี้ นายอนุทิน กล่าวว่า เราขอให้ดำเนินการมาตรการโควิดฟรีเซ็ตติ้ง ให้ผู้ประกอบการฉีดวัคซีนให้พนักงาน ตรวจสอบลูกค้าต้องฉีดวัคซีนให้ครบโดสก่อนเข้าร้าน หากทำกันได้ แสดงให้เห็นว่าทำได้ เราก็พร้อมผ่อนคลาย แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่ไปร้านที่ไหนยังเห็นคนไม่ฉีดวัคซีน หากพนักงานไม่ฉีดวัคซีนถือว่าน่ากลัวมาก เป็นสิ่งที่ตนขอให้กรมควบคุมโรค กรมอนามัย เร่งทำความเข้าใจให้มีมาตรการตรงนี้ให้เข้มข้นที่สุด มิฉะนั้นจะขยับลำบาก เมื่อถามถึง กรณีนายกฯแสดงความกังวลคลัสเตอร์สถานบันเทิงที่เกิดขึ้น นายอนุทิน กล่าวว่า นายกฯ กังวลมาก ทั้งที่เรื่องความเสี่ยงติดเชื้อ เรื่องทำมาหากิน ท่านสั่งการมาตลอด ให้ทำนู้นทำนี้ มียาอะไรดีๆก็บอกให้เร่งจัดหาให้ได้ และวันนี้พึ่งเซ็นสัญญาซื้อวัคซีน และ ยา เพิ่มเข้ามา ทำให้เกิดความมั่นใจแก่ผู้มีอำนาจในรัฐบาลในการตัดสินใจผ่อนคลายมาตรการต่างๆ และ ประชาชน จะได้เร่งกลับมาทำมาหากินในทุกมติ เมื่อถามถึงกรณี มีสถานบันเทิงแอบเปิดใจกลางเมืองกรุง กระทรวงสาธารณสุขมีความเป็นห่วงหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่าทุกครั้งที่มีคลัสเตอร์ ทุกครั้งที่มีการระบาดใหญ่ ทุกครั้งที่มีความสูญเสียไม่ได้มาจากการทำกระทำที่ถูกกฎหมาย ส่วนใหญ่มาจากการกระทำที่ผิดกฎหมาย ลับลอบกระทำในสิ่งที่รัฐได้พยายามขอร้องให้ปฏิบัติตาม ตรงนี้เป็นเรื่องสำนึก และสุ่มเสี่ยงต่อการกระทำที่ผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่บ้านเมืองต้องเร่งไปจัดการให้เรียบร้อย ถ้าผู้คนให้ความร่วมมือเหมือนช่วงนี้ของปีก่อน ประเทศไทยเราไม่มีผู้ติดเชื้อ และตายมาตั้ง 6 เดือน พอมีการผิดกฎหมาย เสี่ยงกฎหมายเมื่อไหร่ ความวิบัติอะไรต่างๆก็ตามมา รัฐพยายามให้มีมาตรการทุกเรื่องเพื่อความสะดวก แต่ถ้ามีคนทำนอกมาตรการก็เป็นสิ่งที่น่าเสียดายโอกาสต่างๆ เกิดเหตุอะไรขึ้นมา ก็ต้องมีมาตรการที่เข้มข้นขึ้นไปเพื่อแลกกับความปลอดภัย โดยเราพยายามทำให้ดีที่สุด เมื่อถามว่าเป็นเช่นนี้ต้องขยายเวลาประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินต่อไปหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า กรณีโควิดการที่คงพ.ร.ก.ฉุกเฉินไม่ทำให้การใช้ชีวิตเปลี่ยนไป แต่เป็นการบูรณาการ การทำงานของหน่วยงานต่างๆ