เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 25 พ.ย. 64 ที่ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีมอบโล่รางวัลเชิดชูเกียรติ 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” โดยนายกฯกล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มาเป็นประธานในพิธีมอบรางวัล ซึ่งดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลในเรื่องการท่องเที่ยว ซึ่งรัฐบาลกำหนดยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี มุ่งหวังให้ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้วด้วยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยมีแผนแม่บทเฉพาะกิจภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติอันเป็นผลมาจากสถานการณ์โควิดช่วงปี 64-65 เพื่อกำหนดทิศทางพัฒนาประเทศให้เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงภายใน 3 มิติ คือพร้อมรับ ปรับตัว และการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะการขับเคลื่อนประเทศด้วยโมเดลเศรษฐกิจใหม่ BCG อย่างไรก็ตามวันนี้สถานการณ์โควิดค่อยๆดีขึ้น แต่สิ่งที่ต้องขอความร่วมมือคือเรื่องการฉีดวัคซีนให้ครบ เมื่อเรามีวัคซีนที่เพียงพอแล้วอย่ารอ อย่าเลือก เพราะวัคซีนผ่านการอนุมัติจากองค์การอนามัยโลก (WHO) และองค์การอาหารและยา (อย.) ของไทยแล้ว ตนก็ฉีดครบแล้วแต่มีบางคนที่ไม่ยอมฉีด จึงต้องบอกพวกเราด้วยแล้วกัน เพราะอย่างน้อยอาการจะไม่รุนแรงและไม่เสียชีวิต ทั้งวันนี้ยังสั่งให้ทุกจังหวัดจัดชุดเคลื่อนที่ไปฉีดวัคซีนบริการถึงจุดที่เป็นคลัสเตอร์ต่างๆ สิ่งสำคัญจะเกิดประโยชน์อะไรขึ้นมาไม่ได้เลยถ้าโควิดระบาดขึ้นมาใหม่ นี่คือประเด็นสำคัญ จึงต้องระวังอย่างที่สุดในการสร้างความเข้าใจต่อประชาชนโดยรวม นายกฯ กล่าวว่า เราจำเป็นต้องมีรายได้เพิ่มเติมนอกเหนือจากการท่องเที่ยวที่สูงถึง 40%ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ต้องเพิ่มอย่างอื่นเข้ามาด้วย ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อหยิบจับสิ่งที่เรามีให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพราะเราเป็นประเทศเกษตรกรรม ซึ่งราคาสินค้าเกษตรผันผวนทำให้เกิดปัญหา เกิดผลกระทบโดยรวม อีกทั้งต้นทุนการผลิตสูง ส่วนต่างกำไรน้อย รัฐบาลก็ประกันราคาข้าวซึ่งใช้เงินมหาศาล ดูสิจะทำอย่างไร รัฐบาลพยายามแก้ตรงนี้อยู่ ตนสั่งการให้แก้ปัญหาเรื่องงบประมาณที่มีไม่เพียงพอไปแล้ว เราคงต้องระวังที่สุด แล้วต่อไปจะทำอย่างไร ถ้ามันใช้มากขึ้นเรื่อยๆจะทำอย่างไร ต้องแก้ตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง ปลายทางอย่างไร ดีกว่าไปแก้ที่ปลายทางอย่างเดียวใช้เงินเยอะเกินไปจนทำอย่างอื่นไม่ได้ ที่สำคัญเราต้องดูแลให้เข้มแข็งด้วยตัวเองให้ได้มากที่สุด เพื่อช่วยรัฐบาลในการเดินหน้าประเทศ ทั้งนี้ประเทศไทยดีกว่าหลายประเทศ แต่ยังดีไม่เพียงพอ ต้องดีมากกว่านี้ ทุกคนต้องมีรอยยิ้มกว้าง ยิ้มมีความสุข รัฐบาลมีความห่วงใยทุกคนทุกอาชีพ เรามีอัตลักษณ์ความหลากหลายเป็นเสน่ห์ของประเทศไทย เป็นศักยภาพที่เรามีอยู่แล้ว เราต้องสร้างความสงบเรียบร้อย ความมีเสถียรภาพ และทำให้ประชาชนมีความรักใคร่สามัคคีกัน ไม่แบ่งแยกซึ่งกันและกัน เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องการ จะได้ทำงานอย่างอื่นได้อย่างเต็มที่ นายกฯ กล่าวว่า สำหรับการท่องเที่ยวชุมชนขอยกตัวอย่างให้ลองเปิดยูทูปแล้วค้นหาคำว่า chillpainai ชิลไปไหน ที่มีการนำเสนอมุ่งมองความสวยงามของจังหวัดต่างๆ ตนดูแล้วตนรักเมืองไทยขึ้นจมเลย เดิมรักอยู่แล้ว แต่พอเห็นความสวยงาม ความพร้อมเพรียง สถานที่ท่องเที่ยว ลองเปิดดูแล้วกันเดี๋ยวจะเปิดในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพราะไม่มีโอกาสได้ไปเที่ยวไหนมากนัก ส่วนใหญ่เป็นการเดินทางไปทำงาน ไม่มีโอกาสไปเที่ยวเป็น 10 ปีแล้ว ทำหน้าที่มาตลอดตั้งแต่เป็นทหาร เป็นผู้ใหญ่มา ถ้าเราไม่รู้จักคนไทยกันเอง รู้จักแต่บ้านเราชุมชนเรา ไม่รู้จักคนอื่นเลยจะทำให้เชื่อมโยงทุกอย่างเป็นหัวใจดวงเดียวกัน มันไปกันไม่ได้ ทั้งนี้ตนตื้นตันการนำเสนอของเขาซึ่งเป็นช่องทางเว็ปไซด์ที่ภาคเอกชนทำ ขอให้ลองเปิดดูจะได้ไปเชื่อมต่อเข้ากันได้ ตนคิดว่าการท่องเที่ยวจะมีคุณภาพมากยิ่งขึ้นถ้าเราร่วมกันได้ ถ้าเราทำแบบนี้ได้ประเทศไทยจะมีคนมาเที่ยวอีกเยอะ ก่อนหน้านี้เราเคยมีคนมาท่องเที่ยวปีละ 40 ล้านคน มีรายได้เข้ามาพอสมควร แต่เราก็ยังคงต้องพัฒนาด้านอื่นอีกด้วย ทั้งการลงทุน อุตสาหกรรม ธุรกิจใหม่ ฝากทุกคนเข้าใจว่ารัฐบาลมุ่งเน้นการลงทุนที่รักษาสิ่งแวดล้อม พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนต้องการให้คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีสุขภาพที่ดีขึ้น พึ่งพาตัวเองได้อย่างยั่งยืน ซึ่งต้องรวมกลุ่มวิสาหกิจชุมชน สหกรณ์ กองทุนหมู่บ้านใช้ประโยชน์ให้ถูกต้อง เพราะถ้าใช้ผิดทำอะไรไม่ได้มันหายไปหมด เรามารวมกันได้ไหม และมาทำตรงนี้เพื่อให้เกิดวิสาหกิจชุมชนเพื่อการท่องเที่ยว ผลิตภัณฑ์ในพื้นที่ ผ้าไหมที่มีอยู่แล้วอยากให้คิดกัน นายกฯได้แต่พูดนำให้เห็นว่ารัฐบาลต้องการแนวร่วมระหว่างรัฐบาลและประชาชน ทำอย่างไรเศรษฐกิจฐานราก วิสาหกิจชุมชนจะดีขึ้นเพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด ปัญหาสำคัญคือหนี้ต้องแก้กัน เราไม่สามารถปลดหนี้ให้ทุกคนทั้งประเทศไทย ทำอย่างไรให้ลดลงแล้วไม่สร้างหนี้ใหม่ซึ่งยาก ไม่มีใครอยากทำ แต่ตนอยากทำให้สำเร็จ ขอให้ร่วมมือกับตนก็แล้วกัน เพื่อร่วมมือกับนายกฯ ร่วมมือกับรัฐบาลในการพลิกโฉมประเทศไทยสู่สังคมก้าวหน้า เศรษฐกิจสร้างมูลค่าอย่างยั่งยืน ที่ตนพูดมาทั้งหมดเพื่อต้องการให้ทุกคนร่วมมือกันเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงของชุมชนของเรา ประเทศของเรา เพื่อพลิกโฉมประเทศไทย ให้พลิก ไม่ได้พลิกจนคว่ำหงายไม่ใช่ คือพลิกกลับมา เดิมใช้ว่าพลิกฟื้น พอพลิกฟื้นเสร็จก็ต้องพลิกโฉมคือเปลี่ยนหน้าใหม่ รูปใหม่ของเรา จากของเดิมที่มีอยู่ให้ดีขึ้น