วันนี้ ( 20 พ.ย. 64) ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิริธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พล.ต.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษก ศบค.ส่วนหน้า เปิดภายหลังรัฐบาล ได้มีคำสั่งจัดตั้ง ศบค.ส่วนหน้า เพื่อบูรณาการกลไกเเก้ปัญหาให้เกิดความเป็นเอกภาพ สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างประสานสอดคล้อง ผลจากการดำเนินการตั้งแต่ 18 ตุลาคม 2564 เป็นต้นมาสามารถรณรงค์ฉีดวัคซีน ในภาพรวมได้แล้วกว่าร้อยละ 60 เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 15 ส่งผลให้สถานการณ์เริ่มทรงตัวและมีแนวโน้มดีขึ้น โดยมียอดรวมผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตลดลงมาโดยลำดับ โดยพบว่าผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอายุเกิน 60 ปี และไม่ฉีดวัคซีนกว่าร้อยละ 89 สำหรับ ผลการตรวจหาเชื้อเชิงรุกโดย ATK ในรอบ 7 วัน (11-17 พ.ย.) พบผลเป็นบวกเฉลี่ยร้อยละ 12.5 ซึ่งมีแนวโน้มลดลงเช่นกัน โดยน้อยกว่าในห้วงเดือนก่อนกว่าร้อยละ 10
“ ผลคืบหน้าการฉีดวัคซีน ภายหลังได้ใช้มาตรการเชิงรุกในการรณรงค์เข้าฉีดวัคซีนควบคู่ไปกับการจัด ชุดปฏิบัติการเชิงรุกแบบเบ็ดเสร็จเข้าตรวจหาเชื้อโควิด -19 โดย ATK, ฉีดวัคซีนและรักษาตามอาการทำให้สามารถฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ได้แล้วร้อยละ 60.34 (2,357,472/3,906,893 คน) โดยจะเร่งทำการฉีดเพิ่มเติมอีก 397,377 คนประกอบด้วยยะลา 51,468 คนสตูล 53,066 คน, ปัตตานี 152,043 คน และนราธิวาส 161,858 คนเพื่อให้ บรรลุเป้าหมายร้อยละ 70 ตามที่ได้กำหนดไว้ ในขณะที่มียอดการฉีดในกลุ่มนักเรียนเฉลี่ยในภาพรวมร้อยละ 67.07 และพบว่าใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีความคืบหน้าเพียงร้อยละ 49.6 โดยจะเร่งรัดเข้ารณรงค์ และดำเนินการ ในกลุ่มโรงเรียนเอกชน และสถาบันการศึกษาปอเนาะซึ่งพบว่ามีอัตราการฉีดอยู่ในเกณฑ์ต่ำมากเพื่อรองรับการเปิดเรียนแบบ on site ต่อไป
สำหรับมาตรการขับเคลื่อนแบบบูรณาการเพื่อรองรับการเปิดประเทศ ได้ เร่งรัดฉีดวัคซีนทั้งรูปแบบ on site และ mobile unit ด้วยการใช้เวทีสภาสันติสุขตำบลภายใต้ การนำของกำนัน,ผู้ใหญ่บ้าน, ผู้นำศาสนา, อสม. และชุดปฏิบัติการกิจการพลเรือนเข้ารณรงค์สร้างความเข้าใจ ให้เกิดความเชื่อมั่นในทุกครัวเรือนพร้อมจัดชุดปฏิบัติการเชิงรุกเข้าตรวจหาเชื้อโควิด – 19 โดย ATK, ฉีดวัคซีน และรักษาตามอาการถึงหมู่บ้าน/ชุมชน ส่งเสริมการเข้าถึงการตรวจหาเชื้อโควิด – 19 โดย ATK ทั้งแบบ professional used และ self used ด้วยการจัดชุดปฏิบัติการเชิงรุกแบบเบ็ดเสร็จ (CCRT) เข้าไปที่หมู่บ้าน/ชุมชน, ด่านตรวจ, สถานประกอบการ และสถานบริการสาธารณะต่างๆ รวมทั้งการออกมาตรการอำนวยความสะดวกให้ประชาชนสามารถเข้าถึง ชุดตรวจ ATK และยาต้านไวรัสได้ง่ายและราคาถูก พร้อมกำหนดมาตรการควบคุมตรวจสอบ และประเมินผลภายใต้การบูรณาการการทำงานร่วมกันของกลไกฝ่ายปกครอง, องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชนให้เป็นไปตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข โดยมีเป้าหมายให้มีความพร้อมตามมาตรการ Covid Free Setting และสามารถเปิดประเทศได้ ภายใน 16 ธ.ค. 2564
ผลจากการแก้ไขสถานการณ์โควิด – 19 ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาตใต้ ตลอด 1 เดือนที่ผ่านสามารถขับเคลื่อนมาตรการ และแนวทางแก้ปัญหาได้อย่างเป็นระบบส่งผลเชิงบวกต่อการแก้ไขปัญหา ทั้งนี้จะเร่งรัดขับเคลื่อนงานเชิงรุกในทุกมิติทั้งด้านการรณรงค์ฉีดวัคซีน และการปฏิบัติภายใต้มาตรการ Covid Free Setting อย่างได้ผลเพื่อรองรับการเปิดประเทศต้อนรับเทศกาลปีใหม่ 2565 ต่อไป