วิทยาลัยวิศวกรรมชีวการแพทย์ ม.รังสิต เปิดแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี มุ่งพัฒนาขีดความสามารถชุดใหม่รองรับแพลตฟอร์มใหม่ศตวรรษ 21 เปิดแผนการเรียน BME - MD: เรียนวิศวกรรมชีวการแพทย์และศึกษาต่อคณะแพทย์ในต่างประเทศ เปิดแผนเรียนนานาชาติ แบบ Modular Systems เน้น Outcome Based Education: OBE จบใน 3 ปีครึ่ง
รองศาสตราจารย์นันทชัย ทองแป้น คณบดีวิทยาลัยวิศวกรรมชีวการแพทย์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า เนื่องจากโลกในศตวรรษที่ 21 นั้น มีการเปลี่ยนแปลงแพลตฟอร์มในทุกมิติอย่างรวดเร็วและมีความสลับซับซ้อน เป็นโลกที่เต็มไปด้วยชุดของหลักเกณฑ์ของสังคมชุดใหม่ ชุดของโอกาสชุดใหม่ ชุดของภัยคุกคามชุดใหม่ และชุดของข้อจำกัดชุดใหม่ ส่งผลทำให้มีการเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ทางด้านการแพทย์และการดูแลรักษาสุขภาพของประชาชนในทุกมิติ
จากเหตุผลดังกล่าวทำให้จำเป็นอย่างยิ่งในการที่จะต้องพัฒนาบุคลากรทางด้านการแพทย์และการดูแลรักษาสุขภาพของประชาชนให้มีองค์ความรู้และขีดความสามารถชุดใหม่ เพื่อตอบโจทย์และรองรับกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวได้ ดังนั้น ในปีการศึกษา 2565 ทางวิทยาลัยฯ จึงได้ปรับปรุงและพัฒนาในทุกมิติของการจัดการศึกษาโดยการเปิดแผนการเรียนเพื่อรับนักศึกษาใหม่จำนวน 3 แผนการเรียน ได้แก่ แผนการเรียน BME - MD (ต่างประเทศ) แผนการเรียนดังกล่าวมีจุดประสงค์ในการพัฒนาแพทย์ในศตวรรษที่ 21 ที่ต้องเป็นแพทย์นวัตกรที่มีความรู้และทักษะทั้งทางด้านแพทยศาสตร์และวิศวกรรมชีวการแพทย์ เป็นแผนการศึกษาในแนวใหม่ ที่หลังจากเรียนจบการศึกษาวิศวกรรมชีวการแพทย์ที่มหาวิทยาลัยรังสิตแล้ว สามารถเข้าศึกษาต่อในต่างประเทศในสถาบันที่เป็นพันธมิตร แผนการศึกษานี้รับทั้งคนไทยและต่างประเทศโดยกำหนดรับนักศึกษาจำนวน 25 คน
แผนการเรียนนานาชาติ เป็นแผนการเรียนแบบนานาชาติเต็มรูปแบบตามวิสัยทัศน์ของวิทยาลัยวิศวกรรมชีวการแพทย์ที่มุ่งผลิตวิศวกรชีวการแพทย์สากลที่ทำงานได้ทั่วโลก โดยกำหนดรับนักศึกษาจำนวน 25 คน
แผนการเรียนแบบปกติ เป็นแผนการเรียนหลักสูตรวิศวกรรมชีวการแพทย์ ที่ผู้เรียนสามารถเลือกได้ว่าจะเรียนเป็นภาษาอังกฤษและภาษาไทย โดยกำหนดรับจำนวนนักศึกษาประมาณ 50 คน
“อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการรองรับการเปลี่ยนแปลงทางด้านภูมิทัศน์ในทุกมิติของโลกในศตวรรษที่ 21 วิทยาลัยวิศวกรรมชีวการแพทย์ มหาวิทยาลัยรังสิต จึงได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์ระยะ 5 ปี(2565-2569) ขึ้นมาโดยแผนดังกล่าวเรามุ่งเน้นการก้าวเข้าสู่ “วิทยาลัยแห่งนวัตกรรมและผู้ประกอบการทางด้านวิศวกรรมชีวการแพทย์ที่เน้นการให้การศึกษาตลอดทุกช่วงชีวิต” โดยได้มุ่งปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงจากระบบการจัดการเรียนการสอนแบบเดิมที่เป็นแบบ Content Based Education เป็นระบบ Modular Systems ที่เน้นการเรียนการสอนแบบ Outcome Based Education: OBE โดยระบบดังกล่าวนี้เป็นระบบที่เรียนจบในตัวเองในแต่ละ Module โดยที่ผู้เรียนสามารถเรียนต่อเนื่องจนจบการศึกษาในระยะเวลา 3 ปีครึ่ง และออกไปทำงานได้ในลักษณะการฝีกประสบการณ์จริง หรือสามารถหยุดพักการเรียนเมื่อจบการศึกษาในแต่ละ Module ตามความต้องการ จากนั้นจึงกลับมาศึกษาModule อื่นๆ ได้ใหม่จนสำเร็จการศึกษาก็ได้ นั่นหมายถึงผู้เรียนสามารถเรียนไปด้วยและทำงานไปด้วย ทั้งนี้เป็นไปตามวิสัยทัศน์และนโยบายของท่านดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต”
จากเหตุผลดังกล่าวทำให้จำเป็นอย่างยิ่งในการที่จะต้องพัฒนาบุคลากรทางด้านการแพทย์และการดูแลรักษาสุขภาพของประชาชนให้มีองค์ความรู้และขีดความสามารถชุดใหม่ เพื่อตอบโจทย์และรองรับกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวได้ ดังนั้น ในปีการศึกษา 2565 ทางวิทยาลัยฯ จึงได้ปรับปรุงและพัฒนาในทุกมิติของการจัดการศึกษาโดยการเปิดแผนการเรียนเพื่อรับนักศึกษาใหม่จำนวน 3 แผนการเรียน ได้แก่ แผนการเรียน BME - MD (ต่างประเทศ) แผนการเรียนดังกล่าวมีจุดประสงค์ในการพัฒนาแพทย์ในศตวรรษที่ 21 ที่ต้องเป็นแพทย์นวัตกรที่มีความรู้และทักษะทั้งทางด้านแพทยศาสตร์และวิศวกรรมชีวการแพทย์ เป็นแผนการศึกษาในแนวใหม่ ที่หลังจากเรียนจบการศึกษาวิศวกรรมชีวการแพทย์ที่มหาวิทยาลัยรังสิตแล้ว สามารถเข้าศึกษาต่อในต่างประเทศในสถาบันที่เป็นพันธมิตร แผนการศึกษานี้รับทั้งคนไทยและต่างประเทศโดยกำหนดรับนักศึกษาจำนวน 25 คน
แผนการเรียนนานาชาติ เป็นแผนการเรียนแบบนานาชาติเต็มรูปแบบตามวิสัยทัศน์ของวิทยาลัยวิศวกรรมชีวการแพทย์ที่มุ่งผลิตวิศวกรชีวการแพทย์สากลที่ทำงานได้ทั่วโลก โดยกำหนดรับนักศึกษาจำนวน 25 คน
แผนการเรียนแบบปกติ เป็นแผนการเรียนหลักสูตรวิศวกรรมชีวการแพทย์ ที่ผู้เรียนสามารถเลือกได้ว่าจะเรียนเป็นภาษาอังกฤษและภาษาไทย โดยกำหนดรับจำนวนนักศึกษาประมาณ 50 คน
“อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการรองรับการเปลี่ยนแปลงทางด้านภูมิทัศน์ในทุกมิติของโลกในศตวรรษที่ 21 วิทยาลัยวิศวกรรมชีวการแพทย์ มหาวิทยาลัยรังสิต จึงได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์ระยะ 5 ปี(2565-2569) ขึ้นมาโดยแผนดังกล่าวเรามุ่งเน้นการก้าวเข้าสู่ “วิทยาลัยแห่งนวัตกรรมและผู้ประกอบการทางด้านวิศวกรรมชีวการแพทย์ที่เน้นการให้การศึกษาตลอดทุกช่วงชีวิต” โดยได้มุ่งปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงจากระบบการจัดการเรียนการสอนแบบเดิมที่เป็นแบบ Content Based Education เป็นระบบ Modular Systems ที่เน้นการเรียนการสอนแบบ Outcome Based Education: OBE โดยระบบดังกล่าวนี้เป็นระบบที่เรียนจบในตัวเองในแต่ละ Module โดยที่ผู้เรียนสามารถเรียนต่อเนื่องจนจบการศึกษาในระยะเวลา 3 ปีครึ่ง และออกไปทำงานได้ในลักษณะการฝีกประสบการณ์จริง หรือสามารถหยุดพักการเรียนเมื่อจบการศึกษาในแต่ละ Module ตามความต้องการ จากนั้นจึงกลับมาศึกษาModule อื่นๆ ได้ใหม่จนสำเร็จการศึกษาก็ได้ นั่นหมายถึงผู้เรียนสามารถเรียนไปด้วยและทำงานไปด้วย ทั้งนี้เป็นไปตามวิสัยทัศน์และนโยบายของท่านดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต”