หุบกะพงวันนี้ มีอาชีพ มีกิน มีรายได้ที่มั่นคง บน “แผ่นดินพระราชา”
นายสมภพ เปรมสุข เกษตรกรในโครงการตามพระราชประสงค์หุบกระพง จังหวัดเพชรบุรี เผยว่าดีใจมากที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้พระราชทานที่ให้ทำกิน เริ่มต้นปลูกมะม่วงจากนั้นปลูกทุกอย่างที่กินได้ หากไม่ได้พระองค์ก็ไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้และคงไม่มีวันนี้ ทุกคนในโครงการฯ จะปฏิบัติตามที่พระองค์ตรัสไว้ คือความสามัคคีในหมู่คณะต้องดีที่สุด ทุกคนจะอยู่ในระบบสหกรณ์ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ดำรงชีวิตและประกอบอาชีพตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
“ได้สิทธิ์ 15 ไร่กับพื้นที่ชลประทาน 5 ไร่ น้ำฝนอีก 10 ไร่ปลูกยูคาลิปตัสเพราะทนแล้ง ที่เหลือปลูกมะม่วง มะละกอ มะปราง ลำไย ปลูกทุกอย่างที่กินได้ รายได้ไม่เน้นเน้นมีกิน ซาบซึ้งในหลวงรัชกาลที่ 9 อยู่ในใจตลอด พระองค์เป็นต้นแบบที่ดีสำหรับพวกเราทุกคนเหมือนพ่อหลวง ลูกทุกคนทำตามที่พ่อทำ ก็จะอยู่ได้แบบยั่งยืน ปัจจุบันเลี้ยงปลาในสระ เลี้ยงไก่อารมณ์ดีไว้กินไข่ ชีวิตอยู่ดีมีความสุขไม่มีรายจ่าย ถ้าเราไม่มีพระองค์ท่านก็ไม่มีวันนี้ และดีใจที่ในหลวงรัชกาลที่ 10 สานต่อจากที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 มีความรู้สึกตื้นตัน ที่พระองค์เป็นห่วงคอยสอดส่องดูแลให้หน่วยงานเข้ามาดูว่าเป็นยังไงบ้าง อะไรขาดอะไรเหลือทางหน่วยราชการจะช่วย อย่างศูนย์ฯ นี่เค้าก็ช่วยเหลือมาตลอด รู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน” นายสมภพ กล่าว
ด้าน นางนุชจรี ศรีธรรมการ ราษฎรรุ่นที่ 3 ที่อาศัยทำกินในพื้นที่โครงการตามพระราชประสงค์หุบกะพง เปิดเผยว่า เมื่อก่อนมีอาชีพค้าขายมาสานต่ออาชีพของพ่อแม่ที่เลี้ยงโคขุน เริ่มแรกซื้อโคโครงสร้างมาเลี้ยง ผลิตอาหารโคเพื่อบำรุงโคผลิตยาถ่ายพญาธิโคตลอดถึงการฉีดยาบำรุงโค ที่เป็นโคใหม่นำมาเลี้ยงแบบขุน
“โคนี่จะขุนไม่ยุ่งยากเป็นวัวใหญ่เรียกว่าวัวกลางน้ำโดยขุนทำเนื้ออย่างเดียว โคที่นำมาขุนโครงสร้างจะใหมีไซต์ 200 -300 อายุ 2 – 3 ปี ขุน 4 เดือนก็ส่งขายได้ ถ้าจังหวะโคราคาดีขายได้เป็น 10,000 บาทต่อตัว โชคดีที่ได้อยู่ในพื้นที่โครงการหุบกะพงฯ เนื่องจากมีสหกรณ์สนับสนุนอาชีพของเกษตรกรในโครงการฯ ให้เข้าถึงโอกาสต่างๆ ได้ง่ายขึ้น สหกรณ์จะเป็นพี่เลี้ยงหาวัตถุดิบในราคาถูกให้ รู้สึกภาคภูมิใจ และปลื้มหัวใจที่ได้ที่ทางทำกินจากพระองค์ท่าน หากไม่มีพระองค์ก็คงไม่มีวันนี้ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างสูงมาก วันก่อนพระราชินีก็เสด็จมาทางกลุ่มเราก็ไปต้อนรับ ทุกพระองค์มีบุญคุณกับเราก็รักทุกพระองค์ ดีใจที่ ร.10 ท่านสานต่อโครงการฯ” นางนุชจรี กล่าว
ล่าสุด เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2564 นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้ลงพื้นที่เพื่อติดตามความก้าวหน้าในการดำเนินโครงการฯ และหาแนวทางในการดำเนินงานเพื่อสืบสาน รักษา ต่อยอด งานโครงการหุบกะพง เป็น “หมู่บ้านตัวอย่าง” การพัฒนาหมู่บ้านอย่างครบวงจร ตามพระราชปณิธานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว การนี้อธิบดีฯ และคณะได้เยี่ยมชมแปลงปลูกผักสลัดวิถีอินทรีย์ ของนายสนั่นศักดิ์ บุญพิทักษ์ ที่ได้ปรับเปลี่ยนการปลูกจากรูปแบบไฮโดรโปนิกมาเป็นในดินยกสูงบนหรือบนโต๊ะ ทำให้สะดวกในการปลูก ดูแลรักษา และเก็บเกี่ยวได้ง่าย ผักที่ปลูกเป็นที่นิยมของท้องตลาด อาทิ ผักกรีนโอ๊ค เรดโอ๊คและผักคอส ทุกวันนี้มีรายได้แน่นอน และเยี่ยมชม กลุ่มผู้เลี้ยงเลี้ยงโคขุน หมู่ที่ 10 บ้านหุบกะพงพัฒนา โดยมีนายบุญรวม บุญแต่ง เป็นประธานกลุ่ม ปัจจุบันกลุ่มผลิตและจำหน่ายอาหารโคให้แก่สมาชิกและตลาดทั่วไป มีสมาชิก 27 คน มีกำไร 700,000 บาทต่อปี สร้างความมั่นคงของอาชีพและรายได้ให้แก่สมาชิกอย่างต่อเนื่อง
โครงการตามพระราชประสงค์หุบกะพงได้ก่อเกิดขึ้นตามแนวพระราชประสงค์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่สร้างประโยชน์สุขของของประชาชนใน “แผ่นดินพระราชา” บนโฉนดที่ดินในพระปรมาภิไธยในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (เปลี่ยนพระนามโฉนดที่ดินในพระปรมาภิไธย สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2561) สืบต่อจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โดยทรงพระเมตตาส่งเสริมและพัฒนาอาชีพให้กับเกษตรกรที่อยู่อาศัยในโครงการฯ ทั้งปัจจัยพื้นฐาน และปัจจัยการผลิตอย่างต่อเนื่องตลอดมา
ทุกวันนี้ราษฎรในโครงการฯ มีความเป็นอยู่ที่ดี มีอาชีพ มีกิน และมีรายได้ที่มั่นคง ดังที่มีพระราชปณิธาน จะสืบสาน รักษา ต่อยอดงานโครงการตามพระราชประสงค์หุบกะพง ให้เป็น “หมู่บ้านตัวอย่าง” เป็นต้นแบบแก่พื้นที่อื่นๆ และเป็นแหล่งเรียนรู้ในการพัฒนาอาชีพด้านการเกษตร สืบไป






