วันที่ 2 พ.ย.2564 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า กระทรวงการต่างประเทศ ได้ออกคำชี้แจง หลังโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ อ้างว่ากระทรวงการต่างประเทศ ไม่ทำหนังสือยืนยันตัวตนให้ รพ.ธรรมศาสตร์ในการขอรับบริจาควัคซีน โมเดอร์น่า ซึ่งยังมีอายุใช้งานได้ถึงเดือนเมษายน 2565 จำนวน 1.5 ล้านโดส จากประเทศโปแลนด์ เป็นเหตุให้ต้องยุติการขอรับบริจาคลง โดยระบุว่า… ตามที่เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 เฟซบุ๊กโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ได้ลงข้อความพาดพิงถึงการที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ขอรับบริจาควัคซีนโมเดอร์นาจากสำนักงานสำรองทางยุทธศาสตร์ของโปแลนด์ จำนวน 1.5 ล้านโดส โดยระบุว่ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ขอให้กระทรวงการต่างประเทศออกจดหมายยืนยันว่า รัฐบาลไทยยินดีรับบริจาควัคซีนดังกล่าว เนื่องจากหน่วยงานผู้บริจาคประสงค์ให้รัฐบาลไทย โดยหน่วยงานภาครัฐที่มีสถานะเป็นผู้แทนรัฐบาล แจ้งเจตนาจะรับบริจาค แต่กระทรวงการต่างประเทศไม่ออกหนังสือดังกล่าวให้ ทำให้การบริจาควัคซีนดังกล่าวต้องยกเลิกไปนั้น กระทรวงการต่างประเทศขอชี้แจงดังนี้ว่า มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์แจ้งกระทรวงการต่างประเทศว่า ในการรับบริจาควัคซีนจากโปแลนด์ครั้งนี้มีค่าใช้จ่ายจำนวนมาก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จึงจะรับวัคซีนจำนวน 1 ใน 3 ของวัคซีนที่ได้รับบริจาคไว้เอง เพื่อให้บริการประชาชนโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย และจะมอบวัคซีนที่ได้รับบริจาคมาอีก 2 ใน 3 ให้เอกชนที่เป็นหุ้นส่วน เพื่อนำไปจำหน่ายให้ผู้สนใจ เพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น กระทรวงการต่างประเทศ ได้หารือกระทรวงการต่างประเทศโปแลนด์แล้ว ได้รับแจ้งว่าไม่อนุญาตให้นำวัคซีนที่ได้รับบริจาคไปขาย และฝ่ายไทยต้องได้รับ market authorization จากบริษัทผู้ผลิตหรือตัวแทนจำหน่ายวัคซีนโมเดอร์นาด้วย ซึ่งทั้งสองประเด็นเป็นแนวปฏิบัติโดยทั่วไปของการบริจาควัคซีนและเวชภัณฑ์ระหว่างประเทศ และไม่สามารถเจรจาต่อรองเป็นอื่นได้ นอกจากนี้ ตัวแทนบริษัทวัคซีนได้แจ้งกระทรวงการต่างประเทศในลักษณะเดียวกันว่า จะต้องไม่มีการนำวัคซีนที่ได้รับบริจาคไปขาย ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศโปแลนด์ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีสถานะเป็นผู้แทนรัฐบาลโปแลนด์ ไม่เคยยืนยันว่ารัฐบาลโปแลนด์ยินดีบริจาควัคซีนดังกล่าวให้ฝ่ายไทย โดยที่เป็นที่ชัดเจนว่ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จะนำวัคซีนที่ได้รับบริจาคส่วนหนึ่งให้เอกชนหุ้นส่วนไปขาย และไม่มีหลักฐานใดๆ ว่ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้รับ market authorization จากบริษัทผู้ผลิตหรือตัวแทนจำหน่ายวัคซีนโมเดอร์นาแล้ว กระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะผู้แทนรัฐบาลไทย จึงไม่อยู่ในสถานะที่จะมีหนังสือยืนยันว่ารัฐบาลไทยยินดีรับบริจาควัคซีนดังกล่าว ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทยและโปแลนด์ และความน่าเชื่อถือของประเทศไทย เมื่อหุ้นส่วนเอกชนของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์นำวัคซีนที่ได้รับบริจาคไปขาย ทั้งยังอาจทำให้บริษัทผู้ผลิตหรือตัวแทนจำหน่ายวัคซีนฟ้องร้องรัฐบาลไทยในภายหลัง การพิจารณาของกระทรวงการต่างประเทศเป็นไปโดยยึดผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก กระทรวงการต่างประเทศไม่เคยปิดกั้นความพยายามของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และหุ้นส่วนเอกชนที่จะขอรับบริจาควัคซีนจากโปแลนด์หรือประเทศใด และในกรณีนี้ได้แนะนำด้วยว่า ให้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์หารือโดยตรงกับหน่วยงานที่ประสงค์บริจาคต่อไป ทั้งนี้กระทรวงการต่างประเทศยินดีสนับสนุนมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์หากต้องการรับบริจาควัคซีนจากมิตรประเทศในอนาคต