โดย ฟู่ จื้อกัง
งานมหกรรมพืชสวนโลกจีนปี 2021 จัดขึ้นที่เมืองหยางโจว มณฑลเจียงซู ทางภาคตะวันออกของจีน มีระยะเวลาจัดงานร่วมครึ่งปี และได้ปิดฉากลงแล้วด้วยความสำเร็จเมื่อวันที่ 8 ตุลาคมที่ผ่านมา
นี่เป็นงานมหกรรมที่มีความหมายลึกซึ้งในประวัติศาสตร์พืชสวนโลก เพราะเป็น "งานเลี้ยงสีเขียว" ที่จัดแสดงและแลกเปลี่ยนทักษะการจัดพืชสวนชั้นนำ ท่ามกลางการป้องกันควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ด้วยความจริงจังเข้มงวดของเมืองหยางโจว สมดังที่ทิม แบลร์ลิก เลขาธิการสมาคมพืชสวนระหว่างประเทศ (AIPH) กล่าวไว้ว่า “ภายใต้สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ในขอบเขตทั่วโลก การที่สามารถจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกหยางโจว ปี 2021 ตามกำหนดได้นั้น ถือเป็นปาฏิหาริย์โดยแท้”
ธีมของงานมหกรรมพืชสวนโลกครั้งนี้คือ "เมืองสีเขียว ชีวิตที่มีสุขภาพดี" ในพื้นที่จัดแสดงขนาด 2,300,000 ตารางเมตร ได้รวมผลงานพืชสวนอันยอดเยี่ยมจาก 5 ทวีปของโลก 6 ภูมิภาคของจีนและมณฑลเจียงซู ตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิอันวิจิตรตระการตาไปจนถึงฤดูใบไม้ร่วงที่ผลิดอกออกผล โดยงานมหกรรมพืชสวนโลกครั้งนี้ได้จัดกิจกรรมเกี่ยวกับดอกไม้และสวน 1,000 ครั้ง ซึ่งรวมถึงการแข่งขันพิเศษระดับนานาชาติ 6 รายการ ได้แก่ เทคนิคการจัดดอกไม้ ความงามกุหลาบจีน ดอกโบตั๋น ดอกบัว การจัดแต่งพืชสวนขนาดเล็ก ตลอดจนกิจกรรมจัดแสดงพืชพรรณไม้เศรษฐกิจต่างๆ เช่น นิทรรศการกล้วยไม้บูติก การประกวดผลิตชาด้วยมือ การประชาสัมพันธ์และลิ้มลองแตงโม เป็นต้น ได้ดึงดูดผู้ชมทั้งในประเทศและต่างประเทศร่วม 2.2 ล้านคน เข้าชมงานผ่านทางออนไลน์และออฟไลน์
"สวนกรุงเทพแห่งประเทศไทย" ที่จัดแสดงโดยสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย เปี่ยมด้วยสีสันแห่งศิลปวัฒนธรรมตลอดจนความสง่างามแบบราชวงศ์ของไทย ได้กลายเป็น "สถานที่เช็คอินของเน็ตไอดอล" ในงานมหกรรมพืชสวนโลกครั้งนี้ โดยตลอดระยะเวลาจัดงานได้มีการจัดกิจกรรมและการแสดงอัตลักษณ์ไทยที่น่าตื่นตาตื่นใจหลายครั้งทุกเดือนด้วย ได้รับเสียงชื่นชมจากนักท่องเที่ยวชาวจีนจำนวนมาก
ธีมของสวนกรุงเทพแห่งประเทศไทยคือ "เยี่ยมชมเมืองพุทธแห่งเทพเทวา สัมผัสความงามสง่าแบบราชวงศ์สยาม" ได้นำเสนอศิลปะแห่งราชวงศ์ไทยอันงดงามและบรรยากาศพุทธศาสนาอันเข้มข้นของกรุงเทพฯ
ทันทีที่เดินเข้าสู่สวนกรุงเทพฯ สิ่งที่รอต้อนรับอยู่เบื้องหน้าคือความวิจิตรตระการตาของพระบรมมหาราชวังที่เปล่งแสงสีทองเหลืองอร่าม พระพรหมที่อัญเชิญมาจากไทย ไปจนถึงเรือหางยาวขนาดจิ๋วชมวิวสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา... "เหมือนไปถึงกรุงเทพแล้วจริงๆ!" ภายในงานมีผู้เข้าชมสวนกรุงเทพฯ สูงถึง 670,000 คน
ภายในโถงนิทรรศการยังได้จัดแสดงผลงานศิลปะไทยที่วิจิตรบรรจงมากมาย สะท้อนศิลปะชั้นยอดของงานฝีมือเครื่องประดับไทยอย่างเต็มที่ บนชั้นจัดแสดงในอีกด้านหนึ่งนั้น ก็เต็มไปด้วยอาหารโอชารสของไทยรอคอยให้ลิ้มลอง เช่น ทุเรียนอบแห้งและกล้วยตาก เป็นต้น
นอกจากนี้แล้ว สวนกรุงเทพยังมีการจัดแสดงเอกลักษณ์ไทยที่เข้มข้นอย่างมวยไทยและผ้าไหมไทย ให้นักท่องเที่ยวได้ชมอีกด้วย นายจาง หยาง นายกสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย กล่าวว่า "นี่ไม่ใช่แค่การจัดแสดงพืชสวนเท่านั้น แต่ยังเป็นเวทีที่สะท้อนให้เห็นถึงศิลปะและเทคนิคหลายมิติทั้งวัฒนธรรม กรรมวิธีและอาหารของไทยอย่างเต็มที่อีกด้วย"
งานมหกรรมพืชสวนโลกหยางโจวสิ้นสุดลงแล้ว ในอนาคตเมืองหยางโจวจะขยายผลการจัดงานครั้งนี้อย่างเต็มที่ บูรณาการทรัพยากรการท่องเที่ยวต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ และมุ่งมั่นที่จะสร้างเขตพื้นที่จัดงานให้กลายเป็นศูนย์การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมระดับโลก ที่รวมเขตเที่ยวชมทัศนียภาพ กลุ่มโรงแรมที่พัก การแสดงทางวัฒนธรรม และเมืองขนาดเล็กที่เหมาะกับการพักผ่อนหย่อนใจในวันหยุดเข้าด้วยกัน เพื่อให้แนวคิดแห่งการพัฒนาสีเขียวดำรงอยู่ต่อไปอย่างถาวร
นายจาง หยางหวังว่า จะถือการเข้าร่วมงานมหกรรมพืชสวนโลกผ่านการจัด "สวนกรุงเทพแห่งประเทศไทย" เป็นจุดเริ่มต้น ขับเคลื่อนการแลกเปลี่ยนความร่วมมือระหว่างเมืองหยางโจวกับกรุงเทพฯ และเมืองประวัติศาสตร์วัฒนธรรมริมคลองอื่นๆในโลก ร่วมกันสร้าง “ความร่วมมือ การเอื้อประโยชน์และได้ชัยชนะร่วมกัน”
ธีมของงานมหกรรมพืชสวนโลกครั้งนี้คือ "เมืองสีเขียว ชีวิตที่มีสุขภาพดี" ในพื้นที่จัดแสดงขนาด 2,300,000 ตารางเมตร ได้รวมผลงานพืชสวนอันยอดเยี่ยมจาก 5 ทวีปของโลก 6 ภูมิภาคของจีนและมณฑลเจียงซู ตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิอันวิจิตรตระการตาไปจนถึงฤดูใบไม้ร่วงที่ผลิดอกออกผล โดยงานมหกรรมพืชสวนโลกครั้งนี้ได้จัดกิจกรรมเกี่ยวกับดอกไม้และสวน 1,000 ครั้ง ซึ่งรวมถึงการแข่งขันพิเศษระดับนานาชาติ 6 รายการ ได้แก่ เทคนิคการจัดดอกไม้ ความงามกุหลาบจีน ดอกโบตั๋น ดอกบัว การจัดแต่งพืชสวนขนาดเล็ก ตลอดจนกิจกรรมจัดแสดงพืชพรรณไม้เศรษฐกิจต่างๆ เช่น นิทรรศการกล้วยไม้บูติก การประกวดผลิตชาด้วยมือ การประชาสัมพันธ์และลิ้มลองแตงโม เป็นต้น ได้ดึงดูดผู้ชมทั้งในประเทศและต่างประเทศร่วม 2.2 ล้านคน เข้าชมงานผ่านทางออนไลน์และออฟไลน์
"สวนกรุงเทพแห่งประเทศไทย" ที่จัดแสดงโดยสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย เปี่ยมด้วยสีสันแห่งศิลปวัฒนธรรมตลอดจนความสง่างามแบบราชวงศ์ของไทย ได้กลายเป็น "สถานที่เช็คอินของเน็ตไอดอล" ในงานมหกรรมพืชสวนโลกครั้งนี้ โดยตลอดระยะเวลาจัดงานได้มีการจัดกิจกรรมและการแสดงอัตลักษณ์ไทยที่น่าตื่นตาตื่นใจหลายครั้งทุกเดือนด้วย ได้รับเสียงชื่นชมจากนักท่องเที่ยวชาวจีนจำนวนมาก
ธีมของสวนกรุงเทพแห่งประเทศไทยคือ "เยี่ยมชมเมืองพุทธแห่งเทพเทวา สัมผัสความงามสง่าแบบราชวงศ์สยาม" ได้นำเสนอศิลปะแห่งราชวงศ์ไทยอันงดงามและบรรยากาศพุทธศาสนาอันเข้มข้นของกรุงเทพฯ
ทันทีที่เดินเข้าสู่สวนกรุงเทพฯ สิ่งที่รอต้อนรับอยู่เบื้องหน้าคือความวิจิตรตระการตาของพระบรมมหาราชวังที่เปล่งแสงสีทองเหลืองอร่าม พระพรหมที่อัญเชิญมาจากไทย ไปจนถึงเรือหางยาวขนาดจิ๋วชมวิวสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา... "เหมือนไปถึงกรุงเทพแล้วจริงๆ!" ภายในงานมีผู้เข้าชมสวนกรุงเทพฯ สูงถึง 670,000 คน
ภายในโถงนิทรรศการยังได้จัดแสดงผลงานศิลปะไทยที่วิจิตรบรรจงมากมาย สะท้อนศิลปะชั้นยอดของงานฝีมือเครื่องประดับไทยอย่างเต็มที่ บนชั้นจัดแสดงในอีกด้านหนึ่งนั้น ก็เต็มไปด้วยอาหารโอชารสของไทยรอคอยให้ลิ้มลอง เช่น ทุเรียนอบแห้งและกล้วยตาก เป็นต้น
นอกจากนี้แล้ว สวนกรุงเทพยังมีการจัดแสดงเอกลักษณ์ไทยที่เข้มข้นอย่างมวยไทยและผ้าไหมไทย ให้นักท่องเที่ยวได้ชมอีกด้วย นายจาง หยาง นายกสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย กล่าวว่า "นี่ไม่ใช่แค่การจัดแสดงพืชสวนเท่านั้น แต่ยังเป็นเวทีที่สะท้อนให้เห็นถึงศิลปะและเทคนิคหลายมิติทั้งวัฒนธรรม กรรมวิธีและอาหารของไทยอย่างเต็มที่อีกด้วย"
งานมหกรรมพืชสวนโลกหยางโจวสิ้นสุดลงแล้ว ในอนาคตเมืองหยางโจวจะขยายผลการจัดงานครั้งนี้อย่างเต็มที่ บูรณาการทรัพยากรการท่องเที่ยวต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ และมุ่งมั่นที่จะสร้างเขตพื้นที่จัดงานให้กลายเป็นศูนย์การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมระดับโลก ที่รวมเขตเที่ยวชมทัศนียภาพ กลุ่มโรงแรมที่พัก การแสดงทางวัฒนธรรม และเมืองขนาดเล็กที่เหมาะกับการพักผ่อนหย่อนใจในวันหยุดเข้าด้วยกัน เพื่อให้แนวคิดแห่งการพัฒนาสีเขียวดำรงอยู่ต่อไปอย่างถาวร
นายจาง หยางหวังว่า จะถือการเข้าร่วมงานมหกรรมพืชสวนโลกผ่านการจัด "สวนกรุงเทพแห่งประเทศไทย" เป็นจุดเริ่มต้น ขับเคลื่อนการแลกเปลี่ยนความร่วมมือระหว่างเมืองหยางโจวกับกรุงเทพฯ และเมืองประวัติศาสตร์วัฒนธรรมริมคลองอื่นๆในโลก ร่วมกันสร้าง “ความร่วมมือ การเอื้อประโยชน์และได้ชัยชนะร่วมกัน”