วันที่ 28 ต.ค.2564 นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ กล่าวว่า เพื่อเตรียมพร้อมกับการแข่งขันทางด้านธุรกิจไมซ์หลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย โดยสามารถปักหมุดเดสติเนชั่นเมืองไทยในธุรกิจไมซ์ จึงทำให้ทางทีเส็บเตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติให้ทีเส็บไปชิงงานประมูล (bidding) รายการระดับโลกปี 2565 มาจัดในไทยช่วงอนาคตอีก 3-5 ปีหน้า เริ่มตั้งแต่ปี 2569-2572 รวม 3 งานใหญ่ มาจัดในไทยได้ตามจังหวัดเป้าหมาย โดยได้ตั้งเป้าสร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 100,000 ล้านบาท สำหรับ งานแรก Specialised Expo 2028 เสนอใช้สถานที่ โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต นำเสนอ ครม.สัญจร จังหวัดกระบี่ วันที่ 15 พฤศจิกายน 2564 หากไทยประมูลได้จะต้องใช้งบลงทุนประมาณ 4,180 ล้านบาท เพื่อดึงผู้เข้าร่วมตลอดการจัดงาน 5-6 ล้านคน สามารถสร้างผลตอบแทนเข้าประเทศ แบ่งเป็น 3 ส่วนหลัก คือ 1.ภาษี 9,512 ล้านบาท 2.ผลผลิตมวลรวมรายได้ภายในประเทศ (จีดีพี) 39,357 ล้านบาท 3.เกิดการจ้างงาน 11439 ตำแหน่ง และ 4.สร้างเงินสะพัดภายในประเทศระหว่างงานได้มากถึง 49,231 ล้านบาท ขณะที่ งานที่ 2 พืชสวนโลก Type B ปี 2569 ตำบลกุดสระ อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี ลักษณะจะเป็นงานรัฐบาลกับรัฐบาล 1.ใช้เงินลงทุน 2,500 ล้านบาท สร้างรายได้ทางภาษี 7,700 ล้านบาท 2.ผลผลิตมวลรวมประเทศ (จีดีพี) 20,000 ล้านบาท 3.เกิดการจ้างงาน 81,000 ล้านบาท 4. สร้างเงินสะพัดหมุนเวียนภายในประเทศ 32,000 ล้านบาท ส่วนงานที่ 3 พืชสวนโลก Type A ONE 2029 จะจัดในปี 2572 เสนอใช้พื้นที่บริเวณอำเภอคง จังหวัดนคราราชสีมา ใช้เงินลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเป็นหลัก ประมาณ 4,281 ล้านบาท เพื่อสร้างผลตอบแทนเข้าประเทศ ประกอบด้วย 1.รายได้ภาษี 3,429 ล้านบาท 2.ผลผลิตมวลรวมรายได้ภายในประเทศ (จีดีพี) 9,163 ล้านบาท 3.เกิดการจ้างงาน 3600 เงินสะพัด 18,942 ล้านบาท