เมื่อวันที่ 28 ต.ค.64 ที่กระทรวงศึกษาธิการ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ ร่วมกับนพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค นพ.สราวุฒิ บุญสุข รองอธิบดีกรมอนามัย แถลงข่าว “ความพร้อมเปิดภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 ของสถานศึกษาสังกัด ศธ.ในวันที่ 1 พ.ย.64”
น.ส.ตรีนุช กล่าวว่า ศธ.ได้ออกประกาศ หลักเกณฑ์การเปิดโรงเรียนหรือสถาบันการศึกษา ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 34) เพื่อกำกับดูแลและเพิ่มความเชื่อมั่นให้แก่นักเรียน ครู และประชาชนทั่วไป ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด 19 โดยกำหนดหลักเกณฑ์การเปิดโรงเรียนหรือสถานศึกษา เงื่อนไขของมาตรการ แนวปฏิบัติ แผนเผชิญเหตุ และรายละเอียดต่างๆ อย่างชัดเจน มี 5 สาระสำคัญ
1. เงื่อนไขหลักมาตรการ Sandbox Safety Zone in School จัดการเรียนการสอนในสถานศึกษาแบบ on site จำแนกตามเขตพื้นที่การแพร่ระบาดของ โรคโควิด-19 2. เงื่อนไข 6 มาตรการหลัก (DMHT-RC), 6 มาตรการเสริม (SSET-CQ) และแนวทาง 7 มาตรการเข้มสำหรับสถานศึกษา (ไป-กลับ) 3.หลักเกณฑ์พิจารณาใช้อาคาร-สถานที่ ของโรงเรียนหรือสถาบันการศึกษา ที่อยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) หรือ พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม)
4. มาตรการตามแผนเผชิญเหตุตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของสถานศึกษา 5.หลักเกณฑ์พิจารณาใช้อาคารหรือสถานที่ เพื่อการสอบ ฝึกอบรม หรือทำกิจกรรมใดๆ ที่มีผู้เข้าร่วมจำนวนมาก
น.ส.ตรีนุชกล่าวว่า การเปิดเรียนแบบ On site โรงเรียน หรือ สถานศึกษาต้องผ่านประเมินความพร้อมผ่าน Thai Stop Covid Plus (TSC+) และรายงานการติดตามการประเมินผลผ่าน MOECOVID โดยถือปฏิบัติเข้มงวด ครูและบุคลากร ในพื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) หรือ พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) ต้องฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม ร้อยละ 85 ขึ้นไป ส่วนพื้นที่อื่น ๆ ต้องฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ตั้งแต่ร้อยละ 85 ขึ้นไป ส่วนนักเรียนไม่มีกำหนด
นอกจากนี้ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กำลังสำรวจจำนวนโรงเรียน ว่า ในภาคเรียนที่ 2/2564 นี้จะใช้รูปแบบใด พบว่ามีทั้งขอเปิดแบบ On site 100% หรือ On site ส่วนใหญ่ กว่า 10,000 โรงเรียน มีบางแห่งขอใช้รูปแบบผสมผสาน และมีบางพื้นที่ที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดให้เลื่อนไปเปิดวันที่ 15 พ.ย.64 แทน ขณะที่ การปิดเทอม 2/2564 จะพร้อมกันในวันที่ 1 เม.ย.65 สำหรับในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) ทั้งของรัฐและเอกชน 869 แห่ง พบ 531 แห่ง ขอใช้รูปแบบผสมผสานคือมีทั้ง On-site และ Online ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเปิดเรียนรูปแบบใด ทุกฝ่ายต้องประเมิน Thai Save Thai ตามเกณฑ์จำแนกเขตพื้นที่ระบาด สุ่มตรวจ ATK หาเชื้อ เป็นต้น
น.ส.ตรีนุชกล่าวว่า การเปิดเรียนแบบ On site โรงเรียน หรือ สถานศึกษาต้องผ่านประเมินความพร้อมผ่าน Thai Stop Covid Plus (TSC+) และรายงานการติดตามการประเมินผลผ่าน MOECOVID โดยถือปฏิบัติเข้มงวด ครูและบุคลากร ในพื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) หรือ พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) ต้องฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม ร้อยละ 85 ขึ้นไป ส่วนพื้นที่อื่น ๆ ต้องฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ตั้งแต่ร้อยละ 85 ขึ้นไป ส่วนนักเรียนไม่มีกำหนด
นอกจากนี้ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กำลังสำรวจจำนวนโรงเรียน ว่า ในภาคเรียนที่ 2/2564 นี้จะใช้รูปแบบใด พบว่ามีทั้งขอเปิดแบบ On site 100% หรือ On site ส่วนใหญ่ กว่า 10,000 โรงเรียน มีบางแห่งขอใช้รูปแบบผสมผสาน และมีบางพื้นที่ที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดให้เลื่อนไปเปิดวันที่ 15 พ.ย.64 แทน ขณะที่ การปิดเทอม 2/2564 จะพร้อมกันในวันที่ 1 เม.ย.65 สำหรับในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) ทั้งของรัฐและเอกชน 869 แห่ง พบ 531 แห่ง ขอใช้รูปแบบผสมผสานคือมีทั้ง On-site และ Online ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเปิดเรียนรูปแบบใด ทุกฝ่ายต้องประเมิน Thai Save Thai ตามเกณฑ์จำแนกเขตพื้นที่ระบาด สุ่มตรวจ ATK หาเชื้อ เป็นต้น