วันที่ 28 ต.ค.64 พรรคเพื่อไทย ได้จัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2564 ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ จังหวัดขอนแก่น ในหัวข้อ “พรุ่งนี้เพื่อไทย : เพื่อชีวิตใหม่ของประชาชน” ซึ่งจะเป็นการปลุกความหวัง คืนความฝันให้พี่น้องประชาชนอีกครั้ง โดยนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการ และผู้อำนวยการศูนย์นโยบาย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยเหมือนคนป่วยที่ไม่สนใจรักษา เดินช้าโดยไม่สนใจว่าใครแซง จนทำให้ไทยขาดการแข่งขันและเสน่ห์ดึงดูด มีเพียงธุรกิจยุคเก่าที่เติบโต (Old economy) ขณะที่รัฐเอื้อกลุ่มทุนด้วยสิทธิประโยชน์ ดังนั้น พรุ่งนี้ของพรรคเพื่อไทยมุ่งเน้นการเพิ่มทักษะ ปริมาณ และคุณภาพของคนไทย มีหลากหลายโอกาส แต่หนึ่งในนั้นคือ โอกาสที่เกิดขึ้นจาก “โครงสร้างประชากรสูงวัย” เนื่องจากประเทศพัฒนาแล้วกำลังเข้าสู่สังคมสูงวัยพร้อมกัน คนกลุ่มนี้มีกำลังซื้อสูงจำนวนมหาศาล สร้างโอกาสให้ 3 อุตสาหกรรมในไทยได้ ได้แก่ อุตสาหกรรมการแพทย์ การท่องเที่ยว และการเกษตร ซึ่งเป็นจุดแข็งของประเทศไทย พรรคเพื่อไทยสนใจแนวคิด “ ธนาคารเพื่อการท่องเที่ยว” สถาบันการเงินช่วยขับเคลื่อนการท่องเที่ยวทั้งระบบ กำหนดทิศทางอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวผ่านทิศทางการให้สินเชื่อได้ รวมทั้งต้องการปฏิวัติอุตสาหกรรมอาหารจากพื้นฐานไปสู่อาหารคุณภาพสูงด้วยนโยบายด้านการเกษตร และยกระดับรายได้เกษตรกรด้วยอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร ทั้ง 3 อุตสาหกรรมมีประชากรนับสิบล้านคนที่จะได้ประโยชน์ เป็นเครื่องยนต์ตัวใหม่ของเศรษฐกิจไทยที่พรรคเพื่อไทยมองเห็น “เจตจำนงด้วยวิสัยทัศน์และมันสมองของเราเพื่อวันนี้และวันพรุ่งนี้ ผมเชื่อมั่นว่า การพลิก 3 อุตสาหกรรมสำคัญของไทยให้พร้อมรับโอกาสจากโครงสร้างประชากรสูงวัย จะเป็นเครื่องยนต์ตัวใหม่ให้เศรษฐกิจไทยหายป่วย แล้วกลับมาวิ่งแข่งขันในเวทีโลกได้อีกครั้ง” นายเผ่าภูมิ กล่าว นายจักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียนพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรอบคิดของการส่งมอบคุณภาพชีวิต และความสุขให้ประชาชนด้วยการ "ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส" ยังเป็นหลักการสำคัญของพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด แต่ปัจจุบันประเทศไทยประสบปัญหาที่สะสมมานาน ได้แก่ อุปสรรคด้านกฎหมายที่ไม่สอดรับกับปัจจุบัน โดยเคยมีการวิจัยได้ศึกษากฎหมายไทยที่ต้องยกเลิก แก้ไขและปรับปรุง จำนวน 600 ฉบับ นำไปสู่การปรับกระบวนงานทั้งสิ้น 1,094 กระบวนงาน ซึ่งจะทำให้ภาคธุรกิจประหยัดค่าใช้จ่ายได้ถึง 133,816 ล้านบาท อุปสรรคที่สองคือ การเข้าถึงแหล่งเงินทุน ที่มีเงื่อนไขและอัตราดอกเบี้ยสูง ผู้ประกอบการไม่สามารถเข้าถึงได้ อุปสรรคที่สาม คือการเข้าถึงเทคโนโลยี ซึ่งคนไทยมีสถานะเป็นเพียงผู้ใช้งาน ไม่ได้เป็นเจ้าของ ดังนั้นประเทศไทยควรกำจัดอุปสรรคและขยายโอกาสด้วยเทคโนโลยีควอนตัม เพื่อนำมาประมวลผลข้อมูลจำนวนมากที่ซับซ้อนได้อย่างรวดเร็ว เป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้เศรษฐกิจแบบใหม่ อุตสาหกรรมใหม่ และการท่องเที่ยวแบบใหม่ของประเทศไทยประสบความสำเร็จ “การเข้าถึงแหล่งทุนที่วันนี้เป็นไปด้วยความลำบาก แม้รัฐบาลพลเอกประยุทธ์จะมีการออก พ.ร.ก. ซอฟต์โลน แต่เต็มไปด้วยเงื่อนไข ผู้ประกอบการไม่สามารถเข้าถึงซอฟท์โลนนี้ได้ เรื่องนี้ พรรคเพื่อไทยเราทำได้ดีกว่า ตั้งแต่กองทุนหมู่บ้าน รวมทั้ง พ.ร.ก. ซอฟต์โลน ในสมัยรัฐบาลของนายกฯยิ่งลักษณ์ ต่อให้ใช้วิธีการเดียวกัน แต่คนบริหารต่างกัน ก็ได้ผลลัพธ์ที่ต่างกันเราทำให้ประชาชนและภาคเอกชนเข้าถึงแหล่งทุนได้ง่าย เพราะเราไว้ใจประชาชน เชื่อมั่นในศักยภาพของประชาชน”นายจักรพงษ์ กล่าว นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จังหวัดหนองคาย มีมูลค่าการค้าชายแดนกว่า 5 หมื่นล้านบาท เคยถูกขนานนามว่าเป็นประตูสู่อินโดจีน แต่โอกาสเศรษฐกิจที่พรรคเพื่อไทยมองเห็น พรุ่งนี้ของจังหวัดหนองคายจะเป็น “ประตูมังกร” เนื่องจากรถไฟความเร็วสูงจากจีนถึงกรุงเวียงจันทน์แล้ว แม้ในอดีตพรรคเพื่อไทยเคยเสนอโครงการรถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ-หนองคาย เพื่อเตรียมเชื่อมรถไฟความเร็วสูงจากจีน แต่รัฐประหารความล้มเหลวของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จึงยังไม่มีความคืบหน้า จนลาวสร้างเสร็จก่อนไทย แต่พรรคเพื่อไทย ต้องการให้คนไทยเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจนี้ให้เร็วที่สุด จึงได้เสนอให้เชื่อมรถไฟจากเวียงจันทน์ถึงหนองคายก่อน ขบวนรถไฟจากจีนมาเวียงจันทน์เป็นขบวนสินค้า 14 ขบวน เป็นผู้โดยสาร 4 ขบวน ซึ่ง 14 ขบวนนี้ จะเป็นโอกาสสำคัญในการลำเลียงสินค้าไทยไปสู่ประเทศจีนซึ่งมีพลเมืองนับพันล้านคนได้ เป็นโอกาสทางการค้า การท่องเที่ยว และเป็นความเจริญใหม่ที่พาดผ่านเมืองอีสาน หากโครงการนี้สำเร็จ จะเป็นโอกาสของคนไทยที่จะได้ประโยชน์มากมาย “ผมเชื่อว่าคนจนมี 2 แบบ แบบที่ 1 คือ จนเพราะขาดวิธีคิด กับ 2 คือจนเพราะขาดโอกาส หากเป็นคนจนที่ขาดวิธีคิด ต้องเปลี่ยนวิธีคิด แต่จนและขาดโอกาส ก็ต้องการเพียงโอกาสที่จะทำให้เติบโตได้ทุกด้าน ผมเชื่อว่า พรรคที่สามารถหยิบยื่นวิธีคิดและโอกาสให้ได้คือพรรคเพื่อไทย” นายกฤษฎา กล่าว นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า แม้ที่ผ่านมา อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยตกอยู่ในฝันร้าย มีคนตกงานถึง 2 ล้านคน ผู้ประกอบการรายย่อยล้มหาย และอาจหมดลมหายใจไปกว่าครึ่ง แต่พรรคเพื่อไทยเชื่อมั่นว่า ลมหายใจของธุรกิจการท่องเที่ยวไทยยังไปต่อได้ และจะไปได้ไกลกว่าเดิม ด้วย“นโยบายทะเล 5 สี” ประกอบไปด้วย 1.นโยบายทะเลสีแดง (Red ocean) แข่งขันกันด้วยราคา ไม่เน้นเรื่องปริมาณ ส่งเสริมศักยภาพแรงงานและนวัตกรรมการท่องเที่ยวไทยผ่านเทคโนโลยี เพื่อให้เราแข่งขันได้ ในทุกสนามราคา 2.นโยบายทะเลสีคราม (Blue ocean ) ยกระดับและสร้างมูลค่าเพิ่มให้การท่องเที่ยว สนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ Workation และ Work from anywhere สร้างมูลค่าเพิ่มให้เศรษฐกิจไทย 3.นโยบายทะเลสีเขียว (Green ocean) พัฒนาการท่องเที่ยวสีเขียวผ่านแหล่งท่องเที่ยวที่ยั่งยืน สร้างอาชีพให้กับคนในชุมชน 4.นโยบายทะเลสีขาว (White ocean) สนับสนุนการดำเนินธุรกิจโดยเห็นแก่ส่วนรวมมีความโปร่งใส ผ่าน Open data 5.นโยบายทะเลสีรุ้ง (Rainbow ocean) สนับสนุน Soft power ไทยผ่านมาตรการภาษี สนับสนุนเงินทุนให้กับคนในวงการสื่อ ส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ “ทุกชีวิตทุกครอบครัวที่ผูกพันและเคยพึ่งพาเศรษฐกิจจากการท่องเที่ยวพยายามอย่างสุดความสามารถ เพื่อรักษาอุตสาหกรรมจากวัฒนธรรม ภูมิปัญญา ทรัพยากร จากศักยภาพและร้อยยิ้มของคนไทย แม้เปลวไฟแห่งความหวังของการท่องเที่ยวไทยที่ใกล้จะดับลงเต็มที แต่พรรคเพื่อไทยของเราคือความหวัง” นายจักรพล กล่าว