เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 27 ต.ค.64 ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าร่วมและกล่าวถ้อยแถลงในการประชุมสุดยอดอาเซียน-ออสเตรเลีย ครั้งที่ 1 ผ่านระบบการประชุมทางไกล พร้อมผู้นำสมาชิกอาเซียน และนายสกอตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เปิดเผยสาระสำคัญของการประชุม ดังนี้ นายกรัฐมนตรีมอร์ริสันกล่าวว่าเป็นประวัติศาสตร์การยกระดับความสัมพันธ์หุ้นส่วนรอบด้านออสเตรเลีย-อาเซียน ท่ามกลางสถานการณ์ที่มีความเปลี่ยนแปลงและท้าทายเป็นอย่างมากในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก พร้อมเน้นย้ำว่า ทุกประเทศต้องร่วมมือกันเพื่อฟื้นฟูด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะการสร้างเสถียรภาพในภูมิภาค การสร้างความมั่นคงทางสาธารณสุข ผ่านการเข้าถึงวัคซีนที่ปลอดภัยอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง ออสเตรเลียได้เตรียมจัดสรรวัคซีนโควิด-19 จำนวน 10 ล้านโดสให้กับประเทศสมาชิกอาเซียนภายในปีหน้า รวมทั้งยินดีที่จะสนับสนุนเงินทุนจำนวน 124 ล้านเหรียญออสเตรเลีย เพื่อช่วยรับมือกับภัยพิบัติและความท้าทายในอนาคต นายกรัฐมนตรีกล่าวยินดีต้อนรับนายกรัฐมนตรีมอร์ริสันสู่การประชุมในวันนี้ ถือเป็นการประชุมประจำปีครั้งแรกหลังจากอาเซียน-ออสเตรเลียมีความสัมพันธ์กันมากว่า 47 ปี โดยไทยและอาเซียนพร้อมแลกเปลี่ยนทัศนะ และขับเคลื่อนความสัมพันธ์ทางยุทธศาสตร์กับออสเตรเลียในเวทีนี้ให้มีพลวัต แน่นแฟ้น ครอบคลุม และลึกซึ้งได้มากยิ่งขึ้น นายกฯ ย้ำถึงความสำคัญของการดำเนินการต่าง ๆ ที่ต้องนำไปสู่ความร่วมมือที่สร้างสรรค์ เสริมสร้างความเป็นแกนกลางของอาเซียน และสอดคล้องกับหลักการภายใต้มุมมองอาเซียนต่ออินโด-แปซิฟิก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาแห่งความท้าทายนี้ ทุกฝ่ายย่อมมุ่งหวังการเสริมสร้างบรรยากาศที่เอื้ออำนวยต่อการฟื้นฟูในทุกมิติอย่างยั่งยืนหลังโควิด-19 ซึ่งอาเซียนยินดีที่ออสเตรเลียยึดมั่นในความเป็นแกนกลางของอาเซียน สนับสนุนกลไกที่อาเซียนมีบทบาทนำ และ AOIP (เอโอไอพี) โดยไทยและอาเซียนหวังที่จะเห็นความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมในอินโด-แปซิฟิก โอกาสนี้ นายกฯ ได้กล่าวเสนอแนวทางส่งเสริมความร่วมมือ 3 ด้าน ดังนี้ 1. ความร่วมมือด้านสาธารณสุข การเข้าถึงวัคซีนอย่างเป็นธรรม ทั่วถึง และรวดเร็ว อาเซียนเองมีเป้าหมายที่จะเสริมสร้างความมั่นคง และสามารถพึ่งพาตนเองด้านวัคซีน โดยออสเตรเลียอาจพิจารณาสนับสนุนการดำเนินการตามแผนงาน อาทิ การแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการวิจัยและพัฒนาวัคซีน และการจัดทำฐานข้อมูลด้านวัคซีนในระดับภูมิภาค 2. ความร่วมมือในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ การเจรจาเพื่อยกระดับ FTA อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ ให้ตอบสนองต่อความต้องการของภาคเอกชน มีความทันสมัย และเกื้อกูลกับความตกลง RCEP โดยนายกฯ ได้เชิญออสเตรเลียให้ร่วมกันส่งเสริมโมเดลเศรษฐกิจ BCG โดยเชื่อมั่นว่าจะเป็นแนวทางสำคัญที่นำไปสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนได้รวดเร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้ นายกฯ เห็นว่า ทั้งสองฝ่ายควรเพิ่มพูนความร่วมมือทางไซเบอร์ โดยใช้ประโยชน์จากข้อริเริ่มอาเซียน-ออสเตรเลียในการเป็นหุ้นส่วนด้านการเมือง และความมั่นคงในการสร้างเครือข่ายแลกเปลี่ยนข่าวสารและพัฒนาศักยภาพของบุคลากรในการเฝ้าระวัง ตรวจสอบ และประเมินภัยคุกคามทางไซเบอร์ 3. ความร่วมมือในการฟื้นฟูความเชื่อมโยงระหว่างประชาชน ควรพิจารณาความเป็นไปได้ในการเปิดพรมแดนระหว่างกัน โดยในเบื้องต้นสำหรับนักเรียนนักศึกษา หลังจากนั้นจึงเริ่มส่งเสริมการท่องเที่ยว ภายใต้มาตรการและเงื่อนไขที่เป็นที่ยอมรับร่วมกัน ตลอดจนควรส่งเสริมการใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลในการแลกเปลี่ยนด้านศิลปะ วัฒนธรรม เพื่อให้การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระดับประชาชนไม่ขาดตอน ในตอนท้าย นายกฯ กล่าวว่าหวังจะได้ให้การต้อนรับนายกรัฐมนตรีมอร์ริสันที่ประเทศไทย ในโอกาสที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพเอเปคปี 2565 ซึ่งจะตรงกับการครบรอบ 70 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับออสเตรเลียด้วย