บุรีรัมย์เปิดจุดบริการเดินหน้าฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ป้องกันโควิด ให้เด็กอายุ 12-18 ปี ในทุกอำเภอต่อเนื่อง ล่าสุดดำเนินการฉีดไปแล้วกว่า 75 เปอร์เซ็นต์ ยอดมากสุดในกลุ่มจังหวัดนครชัยบุรินทร์ หวังสร้างภูมิคุ้มกันหมู่รับเปิดเทอม 1 พ.ย.นี้ คาดสิ้นเดือนนี้จะฉีดให้ได้ครบ 80 เปอร์เซ็นต์ วันนี้ (27 ต.ค.64) จังหวัดบุรีรัมย์เปิดจุดบริการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ป้องกันไวรัสโควิด-19 ให้กับกลุ่มเด็กอายุ 12 – 18 ปีบริบูรณ์ ทั้งที่โรงพยาบาลบุรีรัมย์ สนามช้างอารีน่า โรงพยาบาลชุมชนในทุกอำเภอ รวมไปถึงสถานที่ที่หน่วยงานรัฐในแต่ละพื้นที่กำหนดไว้ เป็นการอำนวยความสะดวกและบริการฉีดวัคซีนในเชิงรุก โดยเด็กที่มีอายุ 12-18 ปี สามารถ Walk in เข้าไปรับบริการได้เลยโดยไม่ต้องจองคิวล่วงหน้า ทั้งนี้ เพื่อต้องการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้ได้ครอบคลุมมากที่สุด เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมรับเปิดภาคเรียนแบบออนไซด์ ที่คาดว่าจะประกาศเปิดพร้อมกันในวันที่ 1 พ.ย.ที่จะถึงนี้ ซึ่งจากข้อมูลพบว่า ทั้งจังหวัดบุรีรัมย์ ได้ดำเนินการฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มเด็กอายุ 12-18 ปี ไปแล้วกว่า 75 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นยอดตัวเลยที่มากที่สุดในกลุ่มจังหวัดนครชัยบุรินทร์ ประกอบด้วย จ.นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และ จ.สุรินทร์ ทั้งคาดว่าภายในสิ้นเดือนตุลาคม นี้จะฉีดให้ได้ครบ 80 เปอร์เซ็นต์ ด้าน นพ.ภูวดล กิตติวัฒนาสาร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบุรีรัมย์ กล่าวว่า นอกจากจะมีการเปิดจุดให้บริการฉีดวัคซีนเพื่ออำนวยความสะดวกแล้ว ยังได้ให้นักเรียนที่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว มาร่วมเป็นอาสาสมัครช่วยเหลืองานเจ้าหน้าที่ ทั้งบริการจัดคิว ตรวจคัดกรอง และอำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ เพื่อให้เกิดความรวดเร็วมากขึ้นด้วย ส่วนตัวเลขที่มีเด็กมาฉีดวัคซีนมากสุดในกลุ่มจังหวัดนั้น นอกจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะทำงานในเชิงรุกแล้ว ตัวเด็กนักเรียนเองก็มีความตื่นตัวที่จะมารับวัคซีนด้วยเช่นกัน สำหรับนักเรียนที่ยังไม่ได้ฉีดก็สามารถ Walk in เข้ามารับบริการตามจุดที่กำหนดได้เลย โดยเอกสารที่ต้องเตรียมมา สำหรับผู้ที่มารับบริการฉีดเข็ม 1 ประกอบด้วย บัตรประจำตัวประชาชน บัตรนักเรียน(ถ้ามี) ใบเซ็นยินยอมการฉีดวัคซีนจากผู้ปกครอง ส่วนกลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ที่ต้องการจะฉีดเข็ม 1, 2 และกระตุ้นเข็ม 3 นั้น ก็สามารถ Walk in เข้าไปรับบริการได้ทั้งที่ รพ.บุรีรัมย์ สนามช้างอารีน่า และ รพ.ชุมชนในทุกอำเภอ ซึ่งคาดว่าภายในสิ้นเดือนตุลาคม 2564 นี้ จะสามารถให้บริการฉีดวัคซีนทั้งกลุ่มเด็กนักเรียน และประชาชนทั่วไปได้ไม่ต่ำกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนประชากรได้อย่างแน่นอน