นายอานนท์ วังวสุ นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย และในฐานะประธานบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ เปิดเผยว่า บริษัทกลางฯได้เรียกประชุมผู้ถือหุ้นในวันพุธที่ 27 ต.ค.นี้ เพื่อขอมติจากผู้ถือหุ้นในการขอลดการส่งเงินสมทบลงจากปัจจุบันที่จ่ายสมทบ 12.25% ลดเหลือ 2.25% เป็นเวลา 4 ไตรมาส หรือ 1 ปี สาเหตุที่ต้องลดวงเงินสมทบดังกล่าวนี้ก็เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของบริษัทประกันสมาชิกจำนวนมากที่ประสบปัญหากับการต้องจ่ายเคลมค่าสินไหมประกันโควิด-19 ซึ่งจำเป็นต้องนำเงินไปจ่ายค่าสินไหมให้กับพี่น้องประชาชนจำนวนมาก เพราะเวลานี้บริษัทต้องการกระแสเงินสดไปจ่ายสดให้ลูกค้า จึงไม่อยากดึงเงินสดออกไปจากระบบ เผื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชนทางอ้อม โดยการลดเงินสมทบดังกล่าวอาจจะส่งผลทำให้บริษัทกลางฯลดรายได้จากการลดวงเงินสมทบลงไปราวๆประมาณ 1,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งคงไม่มีปัญหากระทบเพราะยังมีเงินกำไรสะสมของบริษัทกลางฯที่สะสมไว้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมายังสามารถนำมาใช้จ่ายหมุนเวียนเป็นค่าใช้จ่ายของบริษัทกลางฯได้อย่างไม่มีปัญหา แม้ว่า การปรับเงื่อนไขความคุ้มครองค่าสินไหมกรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพสิ้นเชิงถาวรตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ(พรบ.ฯ)จะมีการปรับเพิ่มขึ้นจากเดิมจ่ายเพียง 3 แสนบาท เป็น 5 แสนบาท ซี่งเพิ่งจะมีการปรับไปในปีที่แล้วเป็นต้นมานั้นจะมีผลต่อการเพิ่มค่าใช้จ่ายให้กับบริษัทกลางฯเพิ่มขึ้นมาอีก 300-500 บาทก็ตาม แต่ก็คงไม่มีปัญหากระทบกระเทือนต่อบริษัท ในขณะเดียวกันทางบริษัทกลางฯก็จะมีการแจ้งบริษัทสมาชิกให้ชะลอการเรียกเก็บเงินสมทบในระหว่างนี้หรือไตรมาสสามนี้ออกไปก่อน เพราะเกรงว่าเมื่อถึงเวลาเรียกเก็บเงินสมทบไตรมาสาม เผื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพิจารณาอนุมัติแล้ว เกิดมีการเรียกเก็บเงินสมทบภายในเดือนต.ค.นี้ จะได้ไม่มีปัญหาการเก็บเงินสมทบเกินขึ้นมา สำหรับการลดการจ่ายเงินสมทบลง 10% นั้นก็ไม่มีปัญหากระทบต่อฐานะการเงินความแข็งแกร่งของบริษัท เพราะปัจจุบันบริษัทกลางฯมีเงินกองทุนหรือ CAR RATIO เกินกว่าที่กฎหมายหรือสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.)กำหนดไว้อยู่แล้ว โดยมี CAR RATIO สูงถึงกว่า 600% ทั้งที่คปภ.กำหนดต้องมีไม่ต่ำกว่า 120% เอง ประกอบกับตัวเลขเงินสมทบที่ลดลง 10% ก็มีการให้นักคณิตศาสตร์ประกันภัยพิจารณาคิดคำนวณดูแล้วไม่กระทบฐานะการเงินของบริษัทกลางฯอีกด้วย “เรื่องนี้จริงๆแล้วสมาคมประกันวินาศภัยไทยได้เป็นผู้ทำเรื่องเสนอทางคปภ.ไป เนื่องจากภาคธุรกิจเวลานี้ลำบากจากการระบาดโควิด ทุกบริษัทประกันก็เปรียบเสมือนผู้ถือหุ้นหรือเรียกว่า เป็นแม่ของบริษัทกลางฯ ก็เลยคิดว่าถ้าแม่ลำบาก คนเป็นลูกก็ต้องหาทางช่วยแบ่งเบาภาระให้กับแม่ สมาคมฯก็เลยเสนอไป ทางคปภ.ก็ให้เรากลับมาดูว่า ถ้าลดเงินสมทบลงจะกระทบไหม โดยได้ทำหนังสือถึงบริษัทกลางฯ ซึ่งบอร์ดบริษัทกลางฯก็มาพิจารณาแล้วเห็นตรงกันว่า เรื่องนี้ก็สมควรให้ผู้ถือหุ้นเขารับรู้ดีกว่า กรรมการไม่อยากมีปัญหาทีหลัง ก็เลยเรียกประชุมเพื่อให้ผู้ถือหุ้นตัดสินใจว่าจะช่วยเขาไหม เราก็ประชุมผู้ถือหุ้นดีกว่าใน 2 ประเด็น คือเรื่องลดเงินสมทบ 10% กับการให้ชะลอการเรียกเก็บเงินสมทบ”นายอานนท์ กล่าว