23 ตุลาคม เป็นวันปิยมหาราช ในวันนี้เมื่อ 111 ปีที่แล้ว (พ.ศ.2453 – 2564) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เสด็จสวรรคต
พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่เคารพรักของทวยราษฎร์ ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอเนกประการ ทั้งในการปกครองบ้านเมือง การพัฒนาประเทศให้เท่าทันกับความเจริญของชาติตะวันตก ถนนหลายเส้นทางในเขตพระนครถูกตัดขึ้นเพื่อตอบรับความเจริญทางเศรษฐกิจ ได้มีการสร้างรถไฟสายแรกกรุงเทพฯ ถึงอยุธยา ในเวลาเดียวกันพระราชทานความร่มเย็นเป็นสุขแก่ชนทุกหมู่เหล่า คุณภาพชีวิตของราษฎร ได้มีการยกเลิกทาส ทั้งพัฒนาด้านสาธารณูปโภคต่างๆ กำเนิดการประปา การไฟฟ้า การสื่อสาร ฯลฯ ทรงพระราชกรณียกิจต่างๆ อันก่อให้เกิดคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ ที่สำคัญที่สุด พระองค์ทรงนำพาประเทศให้รอดพ้นจากวิกฤตการณ์ รศ.112 (พ.ศ.2436) ชาติมหาอำนาจตะวันตกอย่างฝรั่งเศสที่เข้ามารุกราน ภายหลังเหตุการณ์ไทยกับฝรั่งเศสได้ยุติการสู้รบกันเกี่ยวกับกรณีพิพาทเรื่องเขตแดนทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง เป็นเหตุให้ไทยเราต้องเสียดินแดนแก่ฝรั่งเศสเป็นจำนวนมาก โดยที่ไม่มีทางจะหลีกเลี่ยงได้ เพื่อแลกเปลี่ยนกับการธำรงเอกราชไว้ตราบมาจนทุกวันนี้
ล่วงเวลามาอีก 17 ปี ในวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453 ได้นำพาความเศร้าโศกให้กับพสกนิกรและประเทศไทยอย่างใหญ่หลวง เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระประชวรด้วยโรคพระวักกะ (ไต) เสด็จสวรรคต ณ พระที่นั่งอัมพรสถานพระราชวังดุสิต รวมพระชนมพรรษา 58 พรรษา ครองสิริราชสมบัตินานถึง 42 ปี
พระองค์ทรงเป็นที่รักใคร่อย่างล้นเหลือของพสกนิกร ทวยราษฎร์ทั้งปวงจึงน้อมใจแสดงความจงรักภักดีด้วยการถวายพระราชสมัญญานามว่า “สมเด็จพระปิยมหาราช” ซึ่งมีความหมายว่า “พระมหากษัตริย์ที่ทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงชน” และกำหนดให้วันที่ 23 ตุลาคมของทุกปีเป็นวันปิยมหาราช ในวันนี้จึงมีพิธีถวายราชสักการะ วางพวงมาลา ณ พระบรมรูปทรงม้า เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้