ภาพรวมทั้งประเทศพบอัตราการติดเชื้อ และเสียชีวิตยังคงมีตัวเลขขึ้น-ลง เล็กน้อย ส่วนใน 4จว.ชายแดนใต้ยังมีอัตราที่สูงอยู่ 1,836 ราย ตัวเลขจำนวนผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม 608 ทั้งกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป กลุ่มโรคเรื้อรัง และหญิงตั้งครรภ์ที่พบเสียชีวิตอย่างต่อเนื่อง โดยผู้สูงอายุยังเป็นกลุ่มที่พบเสียชีวิตสูงสุด การติดเชื้อใหม่ใน 67 จังหวัด พบป่วย 6,285 ราย ส่วนในพื้นที่ กทม.-ปริมณฑล พบป่วยอีก 1,559 ราย โดยกทม.ยังพบติดเชื้อรายวันสูงสุด 908 ราย ตายสูงสุด อยู่ในพื้นที่ภาคใต้รวม 25 ราย ขณะที่วันนี้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 9,810 ราย แบ่งเป็นการติดเชื้อในปท.9,800 ราย มาจากต่างประเทศ 10 ราย วันนี้มีรายงานลอบเข้าประเทศตามช่องทางธรรมชาติ 3 ราย จากเมียนมา ส่วนยอดติดเชื้อจากเรือนจำ/ที่ต้องขัง 120 ราย รักษาหาย 10,513 ราย ยังรักษาอยู่ 102,318 ราย มีผู้ป่วยอาการหนัก 2,585 ราย และมีอาการโคม่าต้องใส่เครื่องช่วยหายใจจำนวน 583 ราย วันที่ 22 ต.ค.2564  ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์ โควิด-19 (ศบค.) พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.)รายงานสถานการณ์ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ว่า โดยล่าสุดพบผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 9,810 ราย โดยเป็นการติดเชื้อในประเทศ 9,800 ราย (แยกเป็นจากระบบเฝ้าระวังและบริการสุขภาพ 9,001 ราย จากการตรวจคัดกรองเชิงรุกในชุมชน 679 ราย จากเรือนจำ/ที่ต้องขัง 120 ราย) และเดินทางมาจากต่างประเทศอีก 10 ราย รวมยอดผู้ป่วยสะสมตั้งแต่ปี 63  รวม 1,831,389 ราย อย่างไรก็ตามหากรวมยอดผู้ป่วยจากการตรวจ ATK จำนวน 2,898 ราย ตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่จะมีถึง 12,708 ราย วันนี้มีผู้เสียชีวิตอีก 66 ราย ทำให้ยอดเสียชีวิตขยับไปที่ 18,625 ราย หายป่วยอีก 10,513 ราย รวมยอดรักษาหาย 1,710,447 ราย ยังรักษาอยู่จำนวน 102,317 ราย เป็นการรักษาอยู่ในรพ.43,681 ราย ในรพ.สนาม/HI-CI 58,636 ราย ทั้งนี้มีผู้ป่วยอาการหนัก 2,585 ราย มีผู้ป่วยหนักนี้ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจถึง 583 ราย ผู้เสียชีวิต จำนวน 66 ราย เป็นเพศชาย 31 ราย เพศหญิง 35 ราย อายุ 39-100 ปี อยู่ในพื้นที่ กทม.มากที่สุด  10 ราย แต่ในภาคใต้เสียชีวิตรวมสูงสุดถึง 25 ราย โดยปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดความรุนแรงของโรคและเสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้สูงอายุเกิน 60 ปีขึ้นไป และมีโรคประจำตัว เป็นโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง โรคไต โรคอ้วน ติดเตียง ซึ่งเป็นโรคประจำตัวที่เป็นปัจจัยเสี่ยงให้เกิดความรุนแรงของโรคเพิ่มขึ้น  โดยในจำนวนนี้ เป็นการติดเชื้อในพื้นที่ 65 ราย อาศัยในพื้นที่เสี่ยง 17 ราย และเป็นการติดจากคนในครอบครัว 7 ราย และคนอื่นๆ เพื่อน เพื่อนร่วมงาน คนรู้จัก 41 ราย