นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยความเคลื่อนไหวของราคาสินค้า และค่าบริการที่เปลี่ยนแปลงไปในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา โดยอ้างอิงจากข้อมูลที่ใช้ในการจัดทำข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค โดยเปรียบเทียบราคาสินค้าและบริการ 430 รายการ ใน 7 หมวดที่จำเป็นต่อการครองชีพ ได้แก่ 1.หมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ 2.หมวดเครื่องนุ่งห่มและรองเท้า 3.หมวดเคหสถาน 4.หมวดการตรวจรักษาและบริการส่วนบุคคล 5.หมวดพาหนะ การขนส่งและการสื่อสาร 6.หมวดการบันเทิง การอ่าน การศึกษาฯ 7.หมวดยาสูบและเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ เปรียบเทียบกับราคาในปีฐาน และคำนวณอัตราการเปลี่ยนแปลงเป็นอัตราเงินเฟ้อ
โดยอัตราเงินเฟ้อล่าสุด เดือนก.ย.64 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ขยายตัว 1.68% ซึ่งเป็นอัตราที่ไม่สูงมากนัก เมื่อเทียบกับประเทศอื่น และเมื่อพิจารณาเป็นรายสินค้าและบริการ จะพบว่ามีจำนวนการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าและบริการดังนี้ สินค้าและบริการที่ราคาเพิ่มขึ้น 204 รายการ เช่น น้ำมันปาล์ม 1 ลิตร ราคาเฉลี่ยเดือนก.ย. เท่ากับ 47.03 บาท เพิ่มขึ้น 11.11 บาท จากเดือนเดียวกันของปีก่อน และน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 ราคาเฉลี่ยเดือนก.ย. เท่ากับ 30.43 บาท เพิ่มขึ้น 8.07 บาท จากเดือนเดียวกันของปีก่อน เป็นต้น
ขณะที่สินค้าและบริการที่ราคาไม่เปลี่ยนแปลง 69 รายการ เช่น ค่าโดยสารรถประจำทาง ค่าบริการใช้โทรศัพท์มือถือ เป็นต้น ส่วนสินค้าและบริการที่ราคาลดลง 157 รายการ เช่น เนื้อสุกร ส่วนสันนอก 1 กิโลกรัม ราคาเฉลี่ยเดือนก.ย. เท่ากับ 153.74 บาท ลดลง 8.83 บาท จากเดือนเดียวกันของปีก่อน, ข้าวสารเจ้า 1 กิโลกรัม ราคาเฉลี่ยเดือนก.ย. เท่ากับ 39.54 บาท ลดลง 4.90 บาท จากเดือนเดียวกันของปีก่อน และค่าธรรมเนียมการศึกษา โรงเรียนรัฐบาล ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ราคาเฉลี่ยเดือนก.ย.เท่ากับ 5,232.32 บาท ลดลง 178.75 บาท จากเดือนเดียวกันของปีก่อน เป็นต้น
นายรณรงค์ กล่าวอีกว่า การที่ประชาชนส่วนใหญ่รู้สึกว่าค่าครองชีพสูงขึ้น ทั้งที่เงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในระดับไม่สูงมากนัก อาจจะมีสาเหตุจากค่าใช้จ่ายในสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องและใกล้ชิดกับการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันสูงขึ้น เช่น กับข้าวสำเร็จรูป ก๋วยเตี๋ยว ข้าวราดแกง อาหารเช้า และอาหารตามสั่ง รวมถึงน้ำมันเชื้อเพลิงที่ราคาปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตามกระทรวงพาณิชย์ไม่ได้นิ่งนอนใจ ด้วยบทบาทและหน้าที่มีนโยบายและมาตรการเพื่อดูแลราคาสินค้าและบริการอย่างสม่ำเสมอตลอดมา ทั้งนี้ขอให้ประชาชนมั่นใจในเรื่องเสถียรภาพราคา ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณชัดเจนที่บ่งชี้ว่ากำลังอยู่ในภาวะเงินเฟ้อ (Inflation) เงินฝืด (Deflation) หรือความซบเซาทางเศรษฐกิจ (Stagnation) ในทางตรงกันข้าม มีสัญญาณทางบวก จากทั้งการส่งออก และความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ ทั้งนี้ สนค.จะติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าและบริการอย่างใกล้ชิดต่อไป"
