ความทุกข์ที่เกิดจากใจ 'โบวี่ อัฐมา' จนพาเข้าสู่สภาวะอาการซึมเศร้าเพราะความทะยานอยากของตัวเอง พร้อมเผยครั้งหนึ่งเคยมีพระเอกขี่มอเตอร์ไซค์มารับไปทานข้าวถึงหน้าบ้าน เปิดทุกเรื่องของหัวใจและชีวิตแบบหมดเปลือก สำหรับ โบวี่ อัฐมา ชีวนิชพันธ์ เมื่อได้มาแขกรับเชิญคนพิเศษในรายการ Club Friday Show ผลิตโดย CHANGE2561 เจ้าตัวได้เล่าถึงความรักที่เข้ามาและจากไปในทุกช่วงเวลาของชีวิตที่มีทั้งความสุข และความทรมาน แต่สุดท้ายก็ได้เจอรักแท้อย่างที่ใจอธิษฐานจิตของบุญกุศลที่ตัวเองได้ทำไว้ส่งผลให้เจอคนที่ศีลเสมอกัน และกับอีกหนึ่งความทุกข์ที่ทำให้เข้าสู่สภาวะโรคซึมเศร้าโดยไม่รู้ตัวจากความทะยานอยากของตัวเอง โบวี่ อัฐมา : พอเราได้มาเล่นละครเรื่องที่ 1 เราก็อยากเล่นมากกว่านี้มันก็จะไปเรื่องที่ 2 พอเราได้ไปจุดที่ 2 เราก็มองไปต่อจุดที่ 10 พอเราไปอยู่จุดที่ 10 แล้วเราก็จะมองไปจุดที่ 20 มันเหมือนว่าเราถูกความทะยานอยากกิเลสตรงข้างในนี่แหละบีบให้เราเป็นทุกข์พอเราไม่มีสติไม่รู้ตัวเราก็วิ่งไปตามกิเลสนั้นกลายเป็นเราไม่พอเหมือนมีครั้งหนึ่ง โบ รู้สึกว่า โบ อยากขึ้นปกนิตยสารจังเลยเพราะเราไม่เคยขึ้นปกนิตยสารเลย เหมือนพอเราไปที่แผงหนังสือใช่ไหมค่ะ เราเห็นนักแสดงคนอื่นขึ้นปกนิตยสารเราก็อยากขึ้นจังเลย แล้วพอเราได้ขึ้นปกที่ 1 เราก็จะบอกว่าเราอยากขึ้นเล่มนี้บ้างจนสุดท้าย โบ ถ่ายปกนิตยสารเกือบทุกเล่มแล้วแต่เหมือนใจมันก็ยังไม่พอ เหมือนก็ยังอยากวิ่งไปข้างหน้าอีกทำให้ใจของเราเป็นทุกข์ โดยที่เราไม่รู้ตัวเพราะว่าเราพอไม่เป็น แต่ความทะยานอยากของ โบ ตอนนั้นคือ เป็นแง่ลบเช่น ชีวิต โบ เกินจุดที่ โบ มองตั้งแต่แรกว่าถ้าชีวิตของ โบ มาถึงจุดนี้ชีวิตของเราคือ ประสบความสำเร็จแล้วมันเกินจุดนั้นมาไกลมากแล้วคุณก็ยังรู้สึกว่าคุณมีจุดเป้าหมายใหม่ต่อไปเรื่อยๆจนมันเหนื่อย คือ เราก็เอาตัวของเราเองไปแข่งกับคนอื่นโดยที่เราไม่รู้ตัว ซึ่งมันกลายเป็นว่ามันทำให้ใจเราทุกข์ ซึ่งมันเป็นอาการหนึ่งของอาการซึมเศร้านั่นแหละค่ะ คือมันเป็นทุกข์สะสมในใจ แต่ว่า ณ ตอนนั้นเนี่ยเราสามารถเบลอๆใส่มันได้บ้างเพราะว่าเรามีแฟน ซึ่งถ้าเราไม่ทะเลาะกับแฟนเราก็จะแฮปปี้แล้วเบลอๆเรื่องพวกนี้ไปได้บ้าง แต่มันมาพีคตอนหลังจากที่ โบ เลิกกับแฟนคนที่ต้องไปอยู่ที่เกาหลีค่ะ พอหลังจากที่เลิกกันตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่ โบ โสดมา 2 ปีครึ่ง เหมือนเราไม่ได้มีที่พึ่งไม่ได้มีใครมาดึงความสนใจของเรากลายเป็นว่าทุกข์ตรงนี้เราก็ยังมีอยู่จากเรื่องงาน เรื่องความที่เราทะยานอยากแข่งขัน แล้วมาบวกกันเราไม่มีที่พึ่งไม่มีแฟน แล้วพอสองก้อนนี้มารวมตัวกันอันนี้เป็นอาการซึมเศร้าแบบจริงจัง ซึ่งตอนนั้นเราก็ไม่ได้ไปหาคุณหมอเพราะว่าตอนนั้นเหมือนเรื่องโรคซึมเศร้าเพิ่งจะมาให้ความสนใจกันในช่วงหลัง ช่วงนั้นเราก็ยังไม่ได้รู้จักมันมากหรอก แต่เรารู้สึกว่าเราเป็นทุกข์ ทุกขนาดที่ว่า ทุกวินาทีที่เราหายใจใจมันบีบคั้นไปด้วยทุกข์ตลอดเวลา ช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือตอนนอนหลับ พอตื่นเช้าขึ้นมาตั้งสติได้มันเศร้าเลยค่ะ มาเรื่องหัวใจกันบ้างเห็นบอกว่ามีครั้งเดียวเลยที่เราเป็นฝ่ายถูกบอกเลิกบ้าง โบวี่ อัฐมา : ก็คือตอนนั้นเป็นแฟนผู้หญิงคนที่ 4 พอดี โบ สอบเข้าจุฬาฯด้วยภาษาญี่ปุ่นในตอนนั้นนะคะ เมื่อก่อนจะมี เว็บบอร์ดที่เราไปโพสต์ คือ โบ พยายามจะหาเงินเองเพื่อเรียนมหาวิทยาลัยค่ะ ก็เลยไปโพสต์ว่ารับสอนภาษาญี่ปุ่นแล้วพี่เขาก็มาสมัครแล้วสมัยนั้นยังเล่น MSN แล้วใน MSN ของ โบ ก็จะตั้งสเตตัสเป็นกลอนของท่านสุนทรภู่เป็นเด็กเนิร์ดขนาดไหน คือ เรียนแล้วชอบกลอนบทนี้ของท่านสุนทรภู่มาก แล้วทีนี้พี่เขาก็ทักมาเป็นกลอนซึ่งเป็นกลอนที่ต่อจากสเตตัสที่เราตั้งไว้แต่เป็นกลอนที่พี่เขาแต่งงาน สมมติเป็นโคลงสี่สุภาพพี่เขาก็ตอบเป็นโคลงสี่สุภาพ ซึ่งเขาก็แต่งเองแล้วคุยกับเรา โบ ก็ปลาบปลื้ม ประทับใจแล้วพี่เขาก็คุยเป็นกลอนแล้วบางครั้งเขาก็คุยเป็นกลอนภาษาอังกฤษเราก็กรี๊ดมาก และช่วงจีบกันจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ เขาจะมีฟุตบอลประเพณีแล้วเราจะขึ้นแสตนด์ 2 ฝั่ง จุฬาฯกับธรรมศาสตร์ ก็จะมีการแปลอักษรบลัฟกันแล้วเราก็ได้ไปงานนี้ด้วยกัน แล้วหลังจากนั้นก็คบกันจนกระทั่งพี่เขาเรียนจบแล้วเขาก็ไปเข้าทำงานที่ตลาดหลักทรัพย์ แล้วในระหว่างทางที่คบคือ โบ ก็อย่างที่บอกเป็นคนที่ขี้โมโหก็มีทะเลาะกัน แล้วพี่เขาเล่นเปียโนและร้องเพลงเพราะมาก แต่สิ่งที่ โบ ทำคือ เขามีคีย์บอร์ดอยู่ที่คอนโดแล้วเวลาที่ทะเลาะกัน โบ ก็ไปผลักคีย์บอร์ดเขาล้ม คือ แบบเวลาที่เราทะเลาะกันก็จะพังทำลายข้าวของจนพี่เขาก็คงถึงจุดที่เบื่อ แล้วด้วยเขาเพิ่งไปเริ่มทำงานใหม่ เจอสังคมใหม่ๆแล้วจู่ๆ โบ ก็จับได้ว่าพี่เขาคุยกับผู้หญิงอีกคนหนึ่งในที่ทำงานเดียวกัน ซึ่งพอเราจับได้เราก็คุยกับเขาแล้วเขาก็ยอมรับแล้วเขาก็ไม่ได้เลิกยุ่ง คือ เป็นครั้งแรกที่เจอความรู้สึกแฟนมีท่าทีเปลี่ยนไปเราไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิตก็สตันไปเลยแล้วรู้สึกรับไม่ได้ รู้สึกว่ายอมไม่ได้ เลิกไม่ได้เพราะเรายังไม่รู้สึกว่าเราพร้อมจะเลิก รอเราพร้อมเลิกก่อนได้เปล่า และมีความรักครั้งหนึ่งที่ทำให้ โบวี่ ทรมานที่สุดในชีวิตเกิดอะไรขึ้นกับความรักครั้งนี้เอ่ย ???? โบวี่ อัฐมา : เป็นผู้ชายที่ตรงสเปก โบ สุดๆเป็นผู้ชายที่ต้องบอกว่ารูปร่างหน้าตาภายนอก รูปลักษณ์ คือ เป็นคนที่ตรงที่สุดในชีวิต คือ ตอนแรกที่รู้จักกัน โบ ถ่ายแบบลงนิตยสารเล่มหนึ่งแล้วพอเราถ่ายแล้วเราก็ไปซื้อนิตยสารเล่มนั้นมาอ่านแล้วเปิดไปดู มีคนคนนี้เขาก็ถ่ายแบบลงในเล่มเดียวกันเราก็แบบ อุ้ย !! หล่อกันเลยสเปกมาก ชอบแบบนี้แต่ก็ไม่ได้รู้จักตอนนั้นก็คือ จบไปแต่หลังจากนั้นเนี่ย โบ ไปเจอเพื่อนที่มหาวิทยาลัยแล้วเพื่อนบอกว่ารู้จักผู้ชายคนนี้สนิทด้วย แล้ว โบ ก็เลยบอกว่าแนะนำให้รู้จักหน่อยสิ ซึ่งเพื่อนก็ตอบกลับมาว่าแกไม่ใช่สเปกเขาหรอก (หัวเราะ) เพื่อนคือหักอกสุดพลังเพราะว่าแฟนเก่าที่เขาคบเนี่ยเป็นเด็กแนวมากเขามีความเป็นติสต์ๆเป็นเด็กแนว ส่วน โบ ตอนนั้นคือเป็นออกแนวเซ็กซี่คนละทางกับเขา แต่เราก็พยายามคุยกับเพื่อนจนในที่สุดเพื่อนก็นัดเจอให้ก็เลยได้มีโอกาสไปเดตกัน โบวี่ อัฐมา : แต่ความรักครั้งนี้เป็นความรักที่ทรมานสุดในชีวิตเพราะว่าทะเลาะกันหนักมากตลอดเวลาที่คบกันมา 2 ปี คือ 1 สัปดาห์ทะเลาะกันประมาณ 4-5 วัน คือ แทบจะทุกวันวันพักเหนื่อยคือน้อยมาก ซึ่งปัญหาที่เราทะเลาะกัน โบ คิดว่าหลายอย่างค่ะ อย่างแรกเลยคือเป็น Cultures shock คือ เราก็ไม่เคยเดตกับฝรั่งจริงๆแล้วเขาก็เป็นแบบอเมริกันจ๋ามากๆในแบบที่ว่าเขาก็มองว่าผู้หญิงผู้ชายเท่ากันทุกอย่างคือแฟร์ๆครึ่งๆ ในขณะคนที่เราคบมามีแต่ผู้ชายประคบประหงมเอาอกเอาใจ แต่พอมาเจอแนวนี้เราก็ทะเลาะกันได้ทุกเรื่องเล็กๆน้อยๆในชีวิตเลย แล้วก็สองก็คือ โบ เป็นคนอารมณ์ร้อนแต่ที่ผ่านมาคือ แฟนส่วนใหญ่ใจเย็น แต่คนนี้เขาคืออารมณ์ร้อนเหมือนกันก็เลยกลายเป็นว่าพอมีเรื่องทะเลาะมันไม่จบเพราะไม่มีใครยอมใคร เขาก็มีเหตุผลของเรา เราก็มีเหตุผลของเรา ที่สุดแล้วเนี่ยมันเกิดจากการที่จริงๆเราเลิกกันตลอดทะเลาะกันจนไม่ไหวบางทีเราก็บอกเลิก บางทีเขาก็บอกเลิก แต่สุดท้ายก็กลับมาคบกันใหม่ทั้งๆที่อยู่แล้วไม่มีความสุขเลยแต่เลิกกันไม่ได้เลยมันก็เป็นความรักที่มีความทุกข์มากๆ แล้วมีครั้งหนึ่งพอเราทะเลาะบอกเลิกกันแล้วเราก็เห็นว่าเขาคุยแซตกับผู้หญิงคนหนึ่งแล้ววันรุ่งขึ้นเขาก็นัดเดตกับผู้หญิงคนนั้นเลย เหมือนตอนนั้นเรารู้สึกเสียใจมากแต่ก็ยังพยายามจะง้ออยู่ เพราะว่าเราก็เลิกไม่ได้เพราะด้วยความตอนนั้นคือเราหลงรูปเขา ความคิดในตอนนั้นคือถ้าฉันเลิกไปฉันจะหาคนอื่นที่เป็นสเปกได้แบบนี้อีกไหม สำหรับ โบวี่ ก็ระดับพระเอกก็มาจีบนะ (พี่อั๋น แซว !! จะให้พูดชื่อไหม) โบวี่ อัฐมา : มันก็มีบ้าง คือต้องบอกว่าที่เขามาจีบเขาอาจจะไม่ได้มาจีบแค่เราคนเดียวเขาก็อาจจะจีบหลายคนก็ได้ แต่เพราะว่ามีบางจุดที่ไม่เวิร์คก็ไม่ได้ไปต่อค่ะ แล้วพระเอกอีกคนที่ชวนเราไปเขื่อนฝายกักเก็บน้ำนั่น คือ อย่างไรเอ่ย โบวี่ อัฐมา : (หัวเราะ) คือจะบอกว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ดีนะ มองย้อนกลับไป คือ เขาก็เป็นพระเอกใช่ไหมค่ะ แล้วเขาก็นัดเราไปกินข้าวริมเขื่อนแล้วเขาก็ขับมอเตอร์ไซค์มารับเรา แต่ไม่ใช่บิ๊กไบค์นะคะ มอเตอร์ไซค์ปกติแล้วเราก็ซ้อนท้ายเขาไป ก็คิดว่าเป็นร้านอาหารริมเขื่อนปรากฏว่าเป็นลาบ ส้มตำ น้ำตก อาหารบ้านๆเลยค่ะ ส่วนคนที่ขับแลมโบกินีต้องบอกเลยว่าทุกคนที่เข้ามาเนี่ย โบ ก็พยายามที่จะทำความรู้จักเราก็อยากจะมีแฟน อยากจะเปิดใจ แต่บางครั้งมันก็เจออะไรที่หลากหลาย อย่างเช่นเขาอาจจะขัยรถหรูชวนเราไปกินข้าว เราก็ไป(ผู้จัดการของเราก็ขับรถตามมา) ก็ไปนั่งทานอาหารจีนกันแต่พอทานเสร็จเรียบร้อยผู้ชายมาขอหาร (หัวเราะ) บางคนก็เป็นถึงขั้นเจ้าของโรงแรมเลยนะ ถ้า โบวี่ โอเค จะตั้งชื่อโรงแรมเป็นชื่อเธอเลยนะ โบวี่ อัฐมา : จริงๆเรื่องนี้เราจำไม่ได้แล้วแต่ผู้จัดการเป็นคนเล่าว่าตอนนั้น โบ ไปถ่ายงานที่โรงแรมของเขา ซึ่งเขาเป็นเจ้าของโรมแรมแล้วเขาก็โทรหา เอ็ม (คือผู้จัดการส่วนตัวที่อยู่กับเรามาตลอดทุกช่วงชีวิตของเราเลย) แล้วก็บอกว่าชอบอยากลองทำความรู้จักกับ โบ จัง ถ้าได้เป็นแฟนกันเดี๋ยวจะเปลี่ยนชื่อโรงแรมเป็นชื่อ โบ เลย สำหรับคำถามนี้คนโสดทั้งประเทศต้องตั้งใจฟัง ??? โบวี่ อัฐมา : พอเราได้ไปปฏิบัติธรรมใจของเราเปลี่ยนไป เริ่มคิดว่าคู่ชีวิตของเรา เราเริ่มวางมาตรฐานใหม่ อย่างเช่น เราขอคนที่เสมอกันนะ เราขอคนที่สามารถไปปฏิบัติธรรมกับเราได้อารมณ์แบบคนจะเกษียณยังไงไม่รู้เนอะคะ อยากไปปลูกผัก ปลูกต้นไม้ใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติแล้วก็เป็นผู้ชายที่สามารถอยู่ในเลเวล ในธรรมแบบที่เราเป็นได้ ตอนที่เราไปปฏิบัติธรรเราก็ได้ เขาเรียกว่าเป็นการอธิษฐานบุญคือ มันไม่ใช่การมูเตลู หรือ ไปขอพรเทพนะคะ แต่เป็นการอธิษฐานจากบุญเราเอง วิธีการอธิษฐานคือเราก็จะอธิษฐานขอให้บุญบางส่วนที่เราได้ทำมาช่วยส่งผลให้เราได้เจอคู่ที่เป็น คู่บุญ เป็นคู่ที่ศีลเสมอกัน ธรรมเสมอกันแล้วก็เกื้อกลูเราได้ทั้งในทางโลกและทางธรรมด้วย สุดท้ายก็ได้เจอคนที่เป็นเหมือนที่เราอธิษฐานไว้ ตอนนั้นคือ โบ โสดอยู่แล้วก็คุณจิ๊บ ปกฉัตรบอกว่าถ้าฉันปล่อยไว้เธอคงไม่มีแฟนใหม่แน่เลยเพราะเธอไม่ยอมไปไหนเลย แล้ว จิ๊บ ก็เลยให้ โบ ไปเรียนคอร์สเรียนอันหนึ่งแต่ จิ๊บ บอกว่าไม่ไปนะ จะให้ชื่อ โบ ไปแทนค่ะ ไปเรียนเกี่ยวกับธุรกิจ ซึ่ง จิ๊บ ก็ได้เข้าไปดูโฉมหน้าของผู้เข้าเรียนทุกคนแล้วก็ดูเลยว่าคนไหนโสด คนไหนเหมาะกับ โบวี่ บ้างแล้วในคอร์สนี้ จิ๊บ เขาก็มีเพื่อนเขาคนหนึ่งอยู่ในคอร์สนี้เหมือนกันแล้วเขาก็คุยกับเพื่อนไว้ว่าลองดูคนนี้ คนนี้นะเพื่อนเขาก็ชงให้จนผู้ชายเขาก็มาคุยกับเรา ถ้าเกิดเพื่อนไม่ชง ผู้ชายก็จะไม่กล้าคุยพอคุยแล้วมันรู้สึกว่ามันตรงตามที่เราอธิษฐานไว้ วันนี้มีสติมากขึ้นกับการกำกับหัวใจขนาดไหน ??? โบวี่ อัฐมา : ดีขึ้นมากๆขึ้นมากๆเลย คือ เราพร้อมเสมอถ้าสมมติว่าไปถึงจุดที่หมดเหตุต่อกัน หมดบุญต่อ ที่ต้องแยกย้ายกันไปเราก็พร้อมที่จะยอมรับตรงนั้น แต่ว่ามันไม่ค่อยมีปัญหาด้วยเพราะเขาเป็นคนที่ใจเย็นมาก แต่ความโมโหร้ายของ โบ ก็ยังมีอยู่นะคะ ไม่ได้หายไป 100 เปอร์เซ็นต์นะคะ ถ้าเทียบกับเมื่อก่อนตอนนี้เหลืออยู่ประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ ซึ่ง โบ ก็ว่าดีมากๆแล้วในความสัมพันธ์บวกกับที่ความใจเย็นของเขาด้วย สิ่งที่เราประทับใจเขาคือ เขาเป็นคนจิตใจดีค่ะ ตั้งแต่แรกที่เขาคุยกับ โบ เขาก็ถามว่าสเปกเราเป็นยังไง โบ ก็ตอบเขาไปว่าอยากได้คนที่ศีลเสมอกัน โบ รักษาศีล 5 ซึ่งเขาก็มารักษาศีลแบบเราคือ ตอนแรกเขาก็กินไวน์อยู่เพราะว่าเขาทำร้านอาหาร แต่เขาก็เลิกกินไลน์เองเลยโดยที่เราไม่ได้บอกว่าให้เขาเลิกกินซึ่งผ่านมา 2 ปีแล้วโบก็ไม่เคยเห็นเขาดื่มอีกเลย แล้ว โบ ไปปฏิบัติธรรมเขาก็ไปกับ โบ ได้ในทุกครั้ง แล้วเขาก็ส่งเสริมเราในทุกอย่างในด้านจิตกุศล แล้วอย่างในทางโลก สมมติว่าเรามีแผนจะทำธุรกิจเขาก็จะมีร่วมด้วย คือ เขาร่วมกับเราไปหมด สามารถชมคลิป ย้อนหลัง ได้ในรายการ CLUB FRIDAY SHOW ผลิตโดย CHANGE2561 ทางยูทูป : https://youtu.be/XMjLoGuOx5o https://youtu.be/PauNmxRf6tU https://youtu.be/rKI2yccLl5A https://youtu.be/YiYK_deOotM https://youtu.be/yAfPEg_sS4c https://youtu.be/zju_1VL5jZQ