วันที่ 14 ต.ค.64 น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงมติของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) 8 ต่อ 1 เสียง ตีตกไม่เอาผิด พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม ที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาปกปิดบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จในส่วนของรายการบ้านและที่ดินจังหวัดพิษณุโลก โดยให้เหตุผลว่าขาดเจตนาจงใจปกปิด และเมื่อดูทรัพย์สินทั้งหมดแล้วไม่ได้ทำให้ทรัพย์สิน พล.อ.ปรีชา งอกเงยผิดปกติ เรื่องดังกล่าวทำให้ประชาชนเกิดคำถามต่อการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช.ในการไม่ชี้มูลความผิดในหลายกรณี ตั้งแต่นาฬิกายืมเพื่อนไม่ผิด ของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หรือแม้แต่กรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม และนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ไม่ต้องเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินเพราะเป็นข้อมูลส่วนตัวเปิดเผยไม่ได้ จึงอยากตั้งคำถามว่าการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช.ในช่วงรัฐบาลคนดีของพล.อ.ประยุทธ์ ทั้งที่ควรเป็นองค์กรอิสระทำหน้าที่ตรวจสอบและปกป้องผลประโยชน์แทนประชาชน แต่ดูเหมือน ป.ป.ช.จะกลายเป็นองค์กรอิสระที่อิสระแต่ชื่อใช่หรือไม่ หรือเป็นเพียงเครื่องมือที่ไว้ใช้เล่นงานฝ่ายตรงข้ามเท่านั้นใช่หรือไม่ น.ส.อรุณี กล่าวต่ออีกว่า เมื่อเทียบกรณีของนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการและอดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2558 ป.ป.ช.มีมติเสียงข้างมาก ชี้มูลความผิดกรณีนายสมศักดิ์ เหตุจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงกรณีครอบครองบ้านพักที่จังหวัดอ่างทองมูลค่า 16 ล้านบาท ดังนั้นการทำงานของ ป.ป.ช. ควรมีมาตรฐาน อย่าให้ประชาชนเกิดคำถามกับการทำงานมากไปกว่านี้ “ป.ป.ช. เป็นองค์กรอิสระ สถานะเป็นหน่วยงานราชการ รับเงินเดือนจากภาษีของประชาชน และยังเป็นส่วนหนึ่งในหลักนิติรัฐ นิติธรรม (Rule of Laws) ซึ่งต้องดำรงไว้ซึ่งความเป็นธรรม เท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติ และต้องเป็นที่พึ่งที่หวังให้กับประชาชนด้วย” น.ส.อรุณีกล่าว