ด้วยแนวโน้มการเดินทางของนักท่องเที่ยวชาวไทย จากผลการวิจัยของโครงการศึกษาแนวโน้มพฤติกรรมนักท่องเที่ยวชาวไทยจากสถานการณ์โควิด-19 ของ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พบว่า นักท่องเที่ยวชาวไทยกว่า 43.7 %โดยเฉพาะกลุ่มคนกรุงเทพฯ มีการวางแผนการเดินทางในช่วงปลายปี 2564 ซึ่งเป็นผลมาจากโครงการกระตุ้นท่องเที่ยวของทางภาครัฐ และการผ่อนปรนมาตรการที่เข้มงวดลง เร่งขับเคลื่อนนโยบายเปิดประเทศ ทั้งนี้ นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ในช่วงปลายปี 2564 นักท่องเที่ยวชาวไทย โดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ ได้วางแผนเดินทางท่องเที่ยวกันเป็นจำนวนมากซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคู่รัก กลุ่มเพื่อน และกลุ่มครอบครัว ที่ต้องการพักผ่อน และหลีกหนีจากสถานการณ์ปัจจุบัน โดยต้องการเปลี่ยนที่พัก หรือแสวงหาที่พักที่สามารถทำงานได้โดยสะดวก สำหรับ ปี 2564 ททท. ตั้งเป้ารายได้รวมจากการท่องเที่ยวทั้งตลาดในและต่างประเทศที่ 850,000 ล้านบาท แบ่งเป็นจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 300,000 ล้านบาท จากนักท่องเที่ยวชาวไทย 550,000 ล้านบาท ด้วยโครงการเราเที่ยวด้วยกันและโครงการทัวร์เที่ยวไทย ที่จะมาช่วยกระตุ้นตลาดในประเทศ ซึ่ง หลังจากเปิดลงทะเบียนจองที่พักในครงการเราเที่ยวด้วยกัน เมื่อวันที่ 8 ตุลาคมที่ผ่านมา พบว่ามีผู้จองไปแล้ว 1 แสนกว่าสิทธิ จากทั้งหมด 2 ล้านสิทธิ ทั้งนี้ ทาง ททท. ไม่ได้ทำการคาดการณ์ตัวเลขท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดยาว 21-24 ตุลาคมนี้ เนื่องจากยังมีการควบคุมการเดินทางข้ามจังหวัด ไม่ได้มีการเปิดพื้นที่ในทุกจังหวัด แต่อย่างไรก็ตามเริ่มมีการผ่อนปรนเดินทางข้ามจังหวัดบ้างแล้ว ดูได้จากจำนวนเที่ยวบินภายในประเทศที่มีมากขึ้น รวมไปถึงในแต่ละจังหวัดเริ่มลดความเข้มงวดลง พื่อรับโอกาสในช่วงไฮซีซั่น แต่ทั้งนี้ เพื่อป้องกันตนเอง ควรใส่หน้ากาก เว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อยๆ อีกทั้งด้วยโครงการพิเศษของททท.ที่จัดขึ้นมา เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ ตามนโยบายเปิดประเทศ 120 วัน เพื่อรองรับการท่องเที่ยวของรัฐบาล แบบ Step-by-Step หลังจากที่สามารถเปิดพื้นที่ท่องเที่ยวระยะที่ 1 ในจังหวัดภูเก็ต เกาะสมุย จังหวัดกระบี่ และจังหวัดพังงา และขับเคลื่อนนโยบายการเปิดประเทศเพิ่มเติมระยะที่ 2 ตามประกาศศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด -19 (ศปก. ศบค.) ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา ครอบคลุมพื้นที่ 5 จังหวัดประกอบด้วย กรุงเทพฯ จังหวัดเชียงใหม่ (อ.เมือง อ.แม่ริม อ.แม่แตง อ.ดอยเต่า) จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (อ.หัวหิน) จังหวัดเพชรบุรี (อ.ชะอำ) และจังหวัดชลบุรี (เมืองพัทยา อ.บางละมุง อ.สัตหีบ หวังให้นักท่องเที่ยวชาวไทยเกิดความมั่นใจในการวางแผนการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวไตรมาส 4 ตั้งแต่เดือนตุลาคม-ธันวาคม ปี 2564 กันเป็นจำนวนมาก โพลชี้ท่องเที่ยวในประเทศชะลอตัว ขณะที่ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทุกภูมิภาคทั่วประเทศที่มีรายได้มากกว่า 10,000 บาทต่อเดือน จำนวน 1,540 ราย เกี่ยวกับแผนการท่องเที่ยวในไตรมาส 4 กลับ พบว่า 36% มีแผนเดินทางไปต่างจังหวัด และ 33% มีแผนเดินทางท่องเที่ยว โดยส่วนใหญ่กว่า 44% ยังไม่ตัดสินใจเดินทาง เพราะรอดูสถานการณ์การระบาด มาตรการควบคุม และมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว แต่ที่น่าตกใจ คือ ประชาชนกว่า 70% มีรายได้ลดลง โดยลดลงเฉลี่ย 40% ของรายได้ที่เคยรับ และ 78% มีภาระหนี้สิน ดังนั้นการตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวในช่วงต่อจากนี้คงเป็นไปได้ยาก และอาจทำให้การเดินทางท่องเที่ยวในประเทศปีนี้ชะลอตัว ซึ่งไปในทิศทางเดียวกัน กับผลสำรวจของศูนย์วิจัยกรุงไทย ที่ระบุ ว่า ชี้ ว่า การระบาดระลอก 3 ในประเทศที่ยืดเยื้อรุนแรง ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวในประเทศปี 2564 มีโอกาสหดตัวเหลือ 63.6 ล้านคน-ครั้ง (ทริปท่องเที่ยว) ต่ำกว่าที่เคยประเมินไว้ที่ 81.2 ล้านคน-ครั้ง(ทริปท่องเที่ยว)ส่วนโมเดลแซนด์บ็อกซ์ ยังช่วยให้นักท่องเที่ยวมาไทยไม่มากนัก เนื่องจากหลายชาติยังไม่แนะนำให้มาไทย และไทยก็ยังไม่เปิดรับนักท่องเที่ยวจากหลายชาติ โดย นักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2565 จะมีเพียง 9.9 ล้านคน จากความเสี่ยงที่จีนยังไม่เปิดประเทศ และการระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ที่ทำให้การท่องเที่ยวระหว่างประเทศทำไม่ได้โดยสะดวกอยู่ ทั้งนี้ มองว่าในปี 2565 นักท่องเที่ยวกลุ่มพรีเมียมจะฟื้นก่อน จากความสามารถในการเที่ยวที่มากกว่า โดยการมาเที่ยวจะเป็นแบบเที่ยวด้วยตัวเอง แบบกลุ่มเล็กมากยิ่งขึ้นจากเหตุผลด้านความปลอดภัย และนักท่องเที่ยวจะใช้จ่ายมากขึ้นกับการเข้าพักโรงแรมที่มีคุณภาพ และมีความปลอดภัย ตลอดจนเลือกที่จะท่องเที่ยวโดยการใช้บริการสายการบินฟูลเซอร์วิสมากขึ้น