ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา เกิดฝนตกหนักในพื้นที่ภาคกลาง ส่งผลให้ปริมาณน้ำท่าเพิ่มสูงขึ้น บริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำและริมน้ำต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด หากไม่มีฝนตกลงมาเพิ่มเติม คาดว่าจะไม่เกิดผลกระทบ เนื่องจากระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำป่าสัก น้ำยังต่ำกว่าตลิ่ง
วันที่ 13 ต.ค.64 นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำป่าสัก วันนี้ (13 ต.ค.64) เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ปรับลดการระบายน้ำลดลงเหลือเพียง 50 ลบ.ม./วินาที ทำให้ระดับน้ำของแม่น้ำป่าสักด้านท้ายเขื่อน ระดับน้ำลดลงต่อเนื่อง ดังนี้
?อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี ลดลง 3.50 เมตร
?อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ลดลง 3.30 เมตร
?อ.เมือง จ.สระบุรี ลดลง 2.09 เมตร
?อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ลดลง 1.05 ซม.
ด้านแม่น้ำลพบุรี ระดับน้ำในแม่น้ำ ที่ อ.บ้านแพรก จ.พระนครศรีอยุธยา ยังคงทรงตัว
สำหรับลุ่มน้ำเจ้าพระยา ระดับน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ลดลงทุกสถานีเช่นกัน
?อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ปริมาณไหลผ่าน 2,227 ลบ.ม./วินาที (ลดลง 31 ลบ.ม./วินาที)
?อ.เมือง จ.สิงห์บุรี ปริมาณไหลผ่าน 2,314 ลบ.ม./วินาที (ลดลง 61 ลบ.ม./วินาที) ระดับน้ำลดลง 18 ซม.
?จ.อ่างทอง ปริมาณไหลผ่าน 2,338 (ลดลง 74 ลบ.ม./วินาที) ระดับน้ำลดลง 14 ซม.
?เขื่อนเจ้าพระยา ระบายลดลง เหลือ 2,330 ลบ.ม./วินาที (ลดลง 94 ลบ.ม./วินาที)
ส่วนสถานการณ์คลองชัยนาท-ป่าสัก ที่ ต.พุคา อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดของทุ่งฝั่งซ้าย ระดับน้ำลดลงกว่า 1.30 เมตร สามารถใช้เส้นทางสัญจรภายในหมู่บ้านได้แล้ว ขณะที่ อ.เมือง จ.ลพบุรี กรมชลประทาน ยังคงเร่งระบายน้ำลงสู่คลองชัยนาท-ป่าสัก อย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่
ทั้งนี้ ยังคงต้องเฝ้าระวังติดตามสภาพอากาศ ที่จะทำให้มีฝนตกหนักจากอิทธิพลของพายุโซนร้อน "คมปาซุ" และติดตามสถานการณ์น้ำจากหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิด หากประชาชนต้องการความช่วยเหลือติดต่อได้ที่โครงการชลประทานใกล้บ้าน หรือโทร.สายด่วนกรมชลประทาน 1460 ได้ตลอดเวลา