ที่ห้องประชุมวิเศษชัยชาญ ชั้น 2 นายศักดิ์ดา บรรดาศักดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง เป็นประธานประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนต่อการจัดทำร่างรายงานและมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ 2 โครงการส่วนต่อขยายระบบท่อขนส่งน้ำมันไปภาคเหนือ (สระบุรี-อ่างทอง) ระหว่าง บริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด (FPT) เจ้าของโครงการ โดยมีบริษัท เอ็นทริค จำกัด เป็นผู้ศึกษา และจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการ ตลอดจนมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่อาจจะเกิดจากการดำเนินงานของโครงการ ให้แก่หัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และสื่อมวลชนในพื้นที่ . พร้อมกันนี้ทางบริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด (FPT) พร้อมด้วย บริษัท เอ็นทิค จำกัด ร่วมชี้แจงรายละเอียดโครงการ ความเป็นมา เหตุผล รายละเอียดและวิธีการก่อสร้างระบบท่อขนส่งน้ำมันของโครงการ มาตรฐานความปลอดภัย การดูแลระบบการขนส่งน้ำมันทางท่อ การประเมินทางเลือก ขอบเขตการศึกษา และการประชาสัมพันธ์การมีส่วนร่วมของประชาชน ของโครงการส่วนต่อขยายระบบท่อขนส่งน้ำมันไปภาคเหนือ (สระบุรี - อ่างทอง) โดยครั้งนี้เป็นการรับฟังความคิดเห็นจากภาคราชการ และสื่อมวลชนซึ่งอยู่ในระหว่างขั้นตอนการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการ(EIA) เพื่อศึกษาถึงผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่สำคัญ นำไปสู่การกำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบตลอดจนมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ สำหรับโครงการมีจุดเริ่ มต้นที่สถานีควบคุมความดันต้นทางบริเวณคลังน้ำมันสระบุรี ตำบลเสาไห้ สิ้นสุดสถานีปลายทางที่ตำบลบ้านอิฐ อำเภอเมืองอ่างทอง พาดผ่านพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ สระบุรี พระนครศรีอยุธยา และอ่างทอง รวมระยะทาง 52 กม. ระบบท่อเป็นท่อเหล็กเหนียวพิเศษขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 12 นิ้ว มาตรฐานสากลทางวิศวกรรมของสหรัฐอเมริกา พื้นที่ส่วนใหญ่ใช้พื้นที่เขตทางถนน ก่อสร้างโดยวิธีการขุดเปิดฝังดินไม่ต่ำกว่า 3 เมตร และเจาะลอดในจุดที่ไม่สามารถขุดเปิดได้ การดำเนินโครงการนี้เมื่อรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมได้รับความเห็นชอบจากหน่วยงานอนุญาตที่เกี่ยวข้องจะใช้ระยะเวลาก่อสร้างประมาณ 20 เดือน และปิดดำเนินการได้ประมาณปลายปี 2566 ผลที่จะได้รับจากการขยายระบบท่อขนส่งน้ำมันไปภาคเหนือ คือ ส่งเสริมความมั่นคงด้านพลังงาน เพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งน้ำมัน ได้ใช้น้ำมันในราคาที่ต่ำกว่าปัจจุบันและใกล้เคียงกับ กทม. ปลอดภัยจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบนถนนหลวงจากรถบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่ ลดความแออัดทางถนนจากรถบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่ ลดมลภาวะจากการขนส่งทำให้สิ่งแวดล้อมดีขึ้น ซึ่งผู้เข้าร่วมประชุมฯ ครั้งนี้ ประกอบด้วย หัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทน นายอำเภอ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ปรึกษาผู้ตรวจราชการภาคประชาชนจังหวัดสระบุรี ผู้แทน ภาคเอกชน บริษัท FPT จำกัด บริษัท เอ็นทิค จำกัด และเจ้าหน้าที่