ถึงแม้วันนี้กูรูการเมืองหลายสำนักต่างฟันธงในทิศทางที่ไม่แตกต่างกันว่า “พรรคเพื่อไทย” คือพรรคการเมืองที่มีโอกาสมากที่สุด ในการเลือกตั้งรอบหน้า เมื่อกติกาใหม่ เปิดทางให้กลับมาใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ซึ่งเป็นรูปแบบที่ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะเจ้าของพรรคตัวจริงเคยยอมรับผ่านคลับเฮาส์ว่า “แบบนี้เราถนัด” แต่ย่อมไม่ได้หมายความว่า พรรคเพื่อไทย จะนอนใจ แม้ก่อนย่างเท้าก้าวขึ้นสังเวียน กติกาใหม่จะเป็นใจ ก็ตาม ในทางตรงกันข้าม กลับน่าสนใจว่าจนวันนี้เหตุใด พรรคเพื่อไทย จึงกลายเป็นแนวรบที่เงียบเชียบ ไร้สีสัน ขาดความคึกคัก ในขณะที่บรรดาพรรคการเมืองทั้งพรรคใหญ่ พรรคเล็ก ไปจนถึง “พรรคหน้าใหม่” ต่างออกมาขยับ พาตัวเองออกมายืนให้แสงสปอตไลต์ ส่อง กันถ้วนหน้า โดยเฉพาะการชูตัว “ว่าที่แคนดิเดตนายกฯ” ที่พบว่าแทบทุกพรรค ทุกค่ายต่างเสนอชื่อ “หัวหน้าพรรค” ของตัวเองแบเบอร์พร้อมสู้กันหมดแล้ว จะเหลือก็แต่พรรคเพื่อไทย ที่แม้จะเป็นพรรคใหญ่ พรรคแกนนำฝ่ายค้าน กลับยังไร้วี่แววว่า จะประกาศชื่อ “แคนดิเดตนายกฯ”ออกมาเมื่อใด ? ข้อสงสัยจากผู้คนในสังคม ได้รับการชี้แจงจาก “นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ที่ยืนยันว่า พรรคเพื่อไทยมีความพร้อมในการเลือกตั้ง อีกทั้งหากมีการเปิดตัวแคนดิเดต นายกฯขึ้นมาเมื่อใดรับรองว่าจะต้องมีเซอร์ไพรส์ ยิ่งพรรคเพื่อไทย ยังไม่เปิดตัวแคนดิเดตชิงเก้าอี้นายก ฯ ยิ่งทำให้เกิดแรงกระเพื่อมภายในพรรคไม่น้อย เพราะอย่าลืมว่าในขณะที่พรรคเพื่อไทย นิ่งเงียบ ยิ่งทำให้กลายเป็น “เป้าโจมตี” ของฝ่ายตรงข้ามมากขึ้นเท่านั้น แม้นพ.ชลน่าน จะให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เหตุที่ยังไม่อยากเปิดตัวแคนดิเดตนายกฯ เพราะไม่ต้องการให้บุคคลนั้นตกเป็นเป้าถูกทำลายก็ตาม แต่ทั้งนี้อีกด้านหนึ่ง อาจกลายเป็นการอุบไต๋ที่ทำให้สมาชิกพรรคหวั่นไหว และง่ายต่อการถูกพรรคคู่แข่ง “ดูด” เข้าพรรค ได้ง่าย เพราะไม่มีใครอ่านใจเจ้าของพรรคตัวจริงได้ว่า “ไพ่” ที่ซ่อนอยู่ในมือ เมื่อเปิดออกมาแล้วจะ “สะกด” ให้ทั้งในและนอกพรรค ถึงขั้นประหลาดใจจริงหรือไม่ ? อย่างไรก็ดี ปัญหาของพรรคเพื่อไทยในลักษณะที่เรียกว่า “ขาดหัว” นั้นใช่ว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่ในการต่อสู้ที่ผ่านมา กระแสของทักษิณ ยังมีมนต์ขลัง นโยบายที่รัฐบาลไทยรักไทย และพลังประชาชน เคยทำไว้สามารถ “ขายได้” เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว ทักษิณ คงไม่กล้าเปิดตัว “น้องสาว” ที่ชื่อ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ในฐานะปาร์ตี้ลิสต์เบอร์หนึ่ง ของพรรคเพื่อไทย ใช้เวลาเพียง 49 วันในการหาเสียง ก็สามารถผลักดันให้พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง และยิ่งลักษณ์ ได้เป็นนายกฯหญิงคนแรกของประเทศไทย เกิดเป็นความสำเร็จมาแล้ว แต่ในวันนี้ ดูเหมือนว่าด้วยบริบท และสถานการณ์ทางการเมืองที่แปรเปลี่ยนไป อย่างเห็นได้ชัด อย่างน้อยที่สุดในการเลือกตั้งครั้งล่าสุดเมื่อ 24 มี.ค.2562 ที่ผ่านมา คู่แข่งของพรรคเพื่อไทย จึงไม่ใช่เพียงคนชื่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แล้วเท่านั้น แต่ยังกลายเป็นว่า “กระแสคนรุ่นใหม่” ยังประกาศสนับสนุน “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พรรคการเมืองหน้าใหม่ที่สามารถ “แจ้งเกิด” ได้อย่างน่าทึ่ง การที่วันนี้พรรคเพื่อไทยยังไม่สามารถบอกได้ว่า “ ใคร” คือแคนดิเดตนายกฯ นั้นเป็นเพราะต้องรอ “ไฟเขียว” จากทักษิณ ว่าท้ายที่สุดแล้วเขาจะเลือก “ใคร” ที่คิดว่าจะสามารถเอาชนะ มีชัยเหนือทุกพรรค โดยเฉพาะจะต้องเป็นชื่อที่โยนลงมาแล้ว ส่งผลกระทบทำให้ “พรรคพลังประชารัฐ” ที่ประกาศเสนอชื่อพล.อ.ประยุทธ์ ต้อง “ปรับขบวน” ล่าสุดมีชื่อพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ ถูกเสนอขึ้นมาผ่านสื่อบางสำนัก เพราะอย่าลืมว่าพ.ต.อ.ทวีนั้น เคยเป็นเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เมื่อปี 2554 ขับเคลื่อนการแก้ปัญหาความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในสมัยรัฐบาลนายกฯยิ่งลักษณ์ ขณะนั้นพล.อ.ประยุทธ์ ยังดำรงตำแหน่งผบ.ทบ. ถึงกระนั้นว่ากันว่าแท้จริงแล้ว ไพ่ใบสำคัญในมือทักษิณ อย่าลืมว่าแต่ละใบล้วนแล้วแต่เคยสร้างความฮือฮามาแล้ว ดังนั้นการที่เจ้าของพรรคยังไม่เลือกเปิดตัว แคนดิเดตนายกฯเป็นเพราะส่วนหนึ่งยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกเอา “คนในตระกูลชินวัตร” ที่ยังมีอยู่ให้ลงมารับไม้ต่อหรือไม่ หรือจะเลือก “บิ๊กอสังหาฯ” คนดัง ชูภาพนักบริหารมืออาชีพ สู้กับ “ลุงตู่” ก็ขอให้อดใจรอ !