วันที่ 7 ตุลาคม 2564 เวลา 10.00 น. กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.กฤธาพล ยี่สาคร รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.มงคล สัมภวะผล ผบก.ภ.จว.ลำพูน, พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ และพล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม แถลงผลการปฏิบัติดังนี้ 1.กรณีเหตุชิงทรัพย์รถจักรยานยนต์ เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2564 เวลา 18.07 น. หน้าร้านขายของชำ ตรงข้ามโรงแรมมณีธรรม เรสซิเด้นซ์ ถนนชุมชนดอยพระบาท ม.24 ต.รอบเวียง อ.เมือง จว.เชียงราย ตามวันเวลาเกิดเหตุ นายภาณุวัฒน์ ขัติยะ ผู้เสียหายจอดรถจักรยานยนต์ ทะเบียน 1 กษ 1629 เชียงราย ไว้หน้าร้านขายของชำตรงข้ามโรงแรมมณีธรรม เรสซิเด้น โดยได้เสียบกุญแจรถคาทิ้งไว้ จากนั้นได้มีคนร้ายเป็นชาย 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์มาถึงที่เกิดเหตุ คนร้ายซึ่งเป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์คันดังกล่าว ได้ลงมาจากรถพร้อมกับขับขี่รถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายหลบหนีไป ส่วนคนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายมานั้นได้ขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปอีกทิศทางหนึ่ง ซึ่งผู้เสียหายได้วิ่งไล่ติดตามเกาะรถไว้ได้ทันจนทำให้รถจักรยานยนต์เสียหลักล้มลง ทันใดนั้นคนร้ายได้ชักอาวุธมีดข่มขู่ไม่ให้ผู้เสียหายติดตาม พร้อมกับขับขี่รถหลบหนีไป จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ทราบชื่อผู้ลงมือก่อเหตุคือนายจะสือ เจ้าก่อ อายุ 47 ปี และนายจะนู จะพือ อายุ 37 ปี ซึ่งพักอาศัยอยู่ในพื้นที่หมู่บ้านพนาสวรรค์ หมู่ 13 ต.แม่ยาว อ.เมือง จว.เชียงราย ต่อมาวันที่ 6 ต.ค.2564 จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ พบนายจะสือ เจ้าก่อ พักอาศัยอยู่ในหมู่บ้าน จึงได้ทำการจับกุมนายจะสือ เจ้าก่อ ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงราย ดำเนินคดีตามกฎหมาย ในข้อหา“ร่วมกันชิงทรัพย์โดยมีอาวุธ โดยร่วมกันกระทำผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำความผิด เพื่อการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม และร่วมกันพาอาวุธไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร” ส่วนนายจะนู จะพือ ไหวตัว ได้หลบหนีการจับกุม จึงได้เข้าทำการตรวจค้นบ้านของนายจะนู จะพือ ผลการตรวจค้น พบเสื้อคลุมสีน้ำเงิน คอปกสีแดงที่นายจะนู จะพือ สวมใส่ในวันเกิดเหตุ ปรากฏตามภาพจากกล้องวงจรปิด จึงได้ทำการตรวจยึดไว้เป็นของกลางในคดี และขออนุมัติจับกุมนายจะนู จะพือ ซึ่งศาลจังหวัดเชียงรายได้อนุมัติหมายจับที่ 186/2564 ลงวันที่ 6 ต.ค.2564 แล้วและทำการติดตามจับกุมตัวต่อไป 2.กรณีเหตุวิ่งราวทรัพย์ร้านทองบู๊เซ่งเฮง ต.บ้านกลาง อ.เมือง จว.ลำพูน เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2564 เวลาประมาณ 11.00 น. มีคนร้ายอายุประมาณ 30 ปี รูปร่างสันทัด ผิวดำแดง สามเสื้อแขนยาวสีน้ำเงิน – แดง กางเกงขายาวสีดำ สวมรองเท้ากีฬายี่ห้อไนกี้ สีดำ โดยทำทีเลือกซื้อสร้อยคอทองคำ และอาศัยช่วงเจ้าของร้านเผลอ ได้หยิบเอาสร้อยทองคำ จำนวน 4 เส้น น้ำหนักรวม 7 บาท มูลค่ารวมประมาณ 202,300 บาท วิ่งหนีออกจากร้าน โดยใช้รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีแดงดำ ทะเบียน 1 ก 9090 ลำพูน เป็นพาหนะหลบหนี ต่อมาจากการสืบสวนทราบผู้ก่อเหตุคือ นายเอกสิทธิ์ คำใส หรือ เติ้ล อายุ 35 ปี ที่อยู่บ้านเลขที่ 462/ช หมู่ที่ 3 ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จว.เชียงใหม่ โดยศาลจังหวัดลำพูนได้อนุมัติหมายจับที่ 239/2564 ในข้อหา “วิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อความสะดวกแก่การกระทำความผิด หรือ เพื่อพาทรัพย์ นั้นไป หรือ เพื่อให้พ้นการจับกุม” ต่อมาในวันที่ 6 ต.ค.2564 เวลาประมาณ 13.30 น. ได้ติดตามจับกุมนายเอกสิทธิ์ คำใส หรือ เติ้ล ผู้ต้องหาตามหมายจับดังกล่าว ซึ่งหลบหนีมาเปิดห้องพักที่โรงแรมนอร์ท อินน์ ทาวน์ ถ.ศรีมงคล ต.ป่าตัน อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ ทั้งนี้ได้ตรวจยึดของกลางจากผู้ต้องหาได้แก่ 1. สร้อยคอทองคำรูปพรรณ น้ำหนัก 5 บาท จำนวน 2 เส้น 2. สร้อยคอทองคำรูปพรรณ น้ำหนัก 2 บาท จำนวน 1 เส้น 3. สร้อยคอทองคำรูปพรรณ น้ำหนัก 3 บาท จำนวน 1 เส้น 4. เงินสด จำนวน 38,000 บาท 5. เสื้อแขนยาวสีน้ำเงิน – แดง และรองเท้ากีฬา ยี่ห้อไนกี้สีดำ จำนวน 1 คู่ ที่ใช้ในการก่อเหตุ โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ว่าภายหลังก่อเหตุได้นำสร้อยคอทองคำบางส่วนไปจำหน่ายที่ร้านทองเยาวราชกรุงเทพ สาขาบิ๊กซีดอนจั่น ต.หนองป่าครั่ง อ.เมือง จว. เชียงใหม่ ได้เงินจำนวน 53,200 บาท จึงทำการจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.นิคมอุตสาหกรรม จว.ลำพูน ดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป บช.ภ.5 ขอความร่วมมือมายังที่น้องประชาชน เพื่อร่วมกันสอดส่องเฝ้าระวังบุคคลที่มีลักษณะพฤติกรรมน่าสงสัยซึ่งอาจจะเข้ามาก่ออาชญากรรมในพื้นที่ ได้ที่สายด่วน 191 ,line@inthanon1(ผบช.ภ.5) และ Application Police I lert U ไต้ตลอด 24 ชม. ในการดำเนินการปราบปราม จับกุม ดำนินคดีผู้กระทำความผิด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในความปลอดภัยและสร้างความอุ่นใจในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนโดยรวม