แนะหน้ากากผ้าทับซ้อนหน้ากากอนามัยเพิ่มกระชับกรองเชื้อ ขณะหน้ากากผ้าเคลือบอนุภาคโลหะ ยังไม่มีการทดลองอิออนฆ่าเชื้อได้มากน้อยเพียงใด รัฐต้องเร่งคุมสถานการณ์ใต้
รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กระบุ "ตามที่ได้เคยเล่าให้ฟังไปแล้วว่า หน้ากากผ้าที่ผลิตอย่างมีคุณภาพสามารถช่วยป้องกันโควิดได้ไม่แพ้หน้ากากอนามัย ถ้าสวมใส่ให้ถูกวิธีและแนบกระชับกับใบหน้า โดยเฉพาะถ้าใช้สวมทับไปบนหน้ากากอนามัยอีกชั้นหนึ่งก็จะช่วยเพิ่มความกระชับและเพิ่มประสิทธิภาพในการกรองได้ มีคำถามเข้ามามากว่าถ้าเป็นหน้ากากชนิดที่ทำจากผ้าเคลือบด้วยอนุภาคโลหะโดยเฉพาะ silver, copper oxide และ zinc oxide nanoparticles จะมีคุณสมบัติช่วยฆ่าเชื้อซาร์โควี-2 ได้เพิ่มขึ้นกว่าเดิมด้วยหรือไม่ เท่าที่ตรวจสอบข้อมูลในทางวิทยาศาสตร์ที่ทำการทดสอบผ้าเหล่านี้ในห้องทดลอง อิออนของโลหะที่ใช้เคลือบจะมีฤทธิ์ทำลายเชื้อโรคโดยเฉพาะไวรัสได้ในสภาพแวดล้อมที่มีน้ำอยู่ด้วย แต่ในส่วนของการใช้งานจริงเป็นวัสดุทำหน้ากากแล้ว ยังไม่มีการทดลองว่าสามารถช่วยทำลายเชื้อโรคที่หายใจเข้าไปได้มากน้อยเพียงใด
คำถามที่น่าสนใจคือการใส่หน้ากากเป็นเวลานาน โดยเฉพาะถ้ามีการพูดหรือใช้เสียงบ่อยๆ น้ำลายที่ออกมาจะชะล้างอนุภาคโลหะเหล่านี้ออกมาหรือไม่ ซึ่งถ้าออกมาได้อาจเข้าสู่ร่างกายทั้งทางจมูก ทางปาก และทางผิวหนังที่สัมผัสโดยตรง อาจจะก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้สวมใส่ในระยะยาวได้ มีผู้ทำการทดลองในประเด็นนี้โดยผู้สนใจหาอ่านรายละเอียดได้จาก https://www.nature.com/articles/s41598-021-98577-6.pdf
พบว่าหน้ากากเคลือบ silver และ copper ที่หาซื้อได้ทั่วไปในประเทศอเมริกา มีปริมาณอนุภาคโลหะมากน้อยแตกต่างกันไปตามแต่บริษัทผู้ผลิต เมื่อทำให้ชุ่มน้ำหรือน้ำลายจะมีการชะล้างอนุภาคโลหะเหล่านี้ออกมาได้ในปริมาณที่แตกต่างกันไป ยิ่งถ้านำไปซักด้วยผงซักฟอกครั้งเดียวหรือหลายครั้งจะมีการชะล้างให้หลุดลอกออกมาได้มากขึ้น คณะผู้ทำการทดลองจึงนำเสนอให้ประชาชนและหน่วยงานที่ควบคุมมาตรฐานความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์หน้ากาก ต้องพิจารณาเปรียบเทียบประโยชน์ที่จะได้จากฤทธิ์ฆ่าเชื้อที่อาจได้เพิ่มขึ้น กับโทษที่ได้จากอนุภาคโลหะซึ่งหลุดลอกออกมา ทั้งต่อร่างกายของผู้สวมใส่โดยตรง และทางอ้อมที่ถูกชะล้างไหลลงสู่แหล่งน้ำและดินในธรรมชาติ
แม้ว่ายอดผู้ติดเชื้อรายวันที่จะเริ่มต่ำกว่าหมื่นแล้ว แต่อาจเกินกว่านั้นไปบ้างในแต่ละวัน ถ้านับรวมจากการตรวจแอนติเจนที่ปัจจุบันในรายงานจัดเป็นผู้ป่วยเข้าข่าย แต่ในทางการแพทย์แล้ว กลุ่มที่ผลตรวจแอนติเจนเป็นบวกนี้ ถ้ามีอาการเข้าได้หรือมีประวัติเสี่ยง ก็จะถือว่าเป็นโรคจริง และให้การรักษาไปตามระดับความรุนแรงของโรค รวมถึงทำการตรวจพีซีอาร์ยืนยันในรายที่จะรับไว้ในโรงพยาบาลหลัก โรงพยาบาลสนาม หรือศูนย์พักคอยชุมชน ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะกลายจากผู้ป่วยเข้าข่ายเป็นผู้ป่วยจริงในวันอื่นภายหลังต่อไป
สำหรับยอดผู้ป่วยอาการหนัก ผู้ป่วยใช้เครื่องช่วยหายใจ และผู้เสียชีวิตก็ลดลงต่ออย่างช้าๆ ส่วนฮอตสปอตในภาคใต้ที่อัตราการฉีดวัคซีนเข็มแรกยังได้ไม่ถึงครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งหมด เป็นโจทย์ที่ท้าทายภาครัฐและภาคประชาชนเพื่อเร่งการควบคุมให้สัมฤทธิ์ผลเช่นเดียวกับในกทม.และปริมณฑล แข็งใจอดทนปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคส่วนบุคคลและส่วนองค์กรกันไปต่ออีกพักหนึ่งกันนะ จะได้เห็นการผ่อนคลายมาตรการสาธารณะเพิ่มมากขึ้นตามมาเรื่อยๆ แต่ก็ต้องเตรียมพร้อมจะกลับตัวไปเข้มงวดกันใหม่เมื่อถึงยามจำเป็น"