เสียใจหนักเด็กนักเรียนชั้น ม. 5 โรงเรียนเอกชนชื่อดังเชียงใหม่ถูกมิจฉาชีพหลอกโอนเงินโอนไลน์แชร์หน้าเพจ แจกเงิน 5000 บาทเป็นเงินค่าเทอมเด็กหลงเชื่อถูกหลอกสูญเงิน 15,000 บาท หอบหลักฐานแจ้งตำรวจภูธรภาค 5
วันที่ 5 กันยายน เด็กนักเรียนหญิงอายุ 17 ปี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนเอกชนชื่อดัง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ นำหลักฐานแชทการพูดคุยและสลิปการโอนเงินผ่านบัญชี เข้าร้องเรียนกับตำรวจศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศตำรวจภูธรภาค 5หลังถูกแก็งมิจฉาชีพหลอกให้โอนเงินออนไลน์เพียงวันเดียวเสียเงินไปทั้งหมด 15,000 บาท
เด็กหญิงวัย 17 ปี ผู้เสียหายเล่าว่า หลังสถานการณ์โควิด 19 แพร่ระบาดได้มีการเปิดให้เรียนออนไลน์ประกอบกับเธอได้มีการเล่นเฟซบุ๊คได้มีเพจๆหนึ่งเด้งขึ้นมาหน้าเฟซและบอกว่าแจกเงินฟรีให้ทุกคนที่สนใจเข้ามากดไลค์กดแชร์และจะแจกเงินด้วยบอกว่าให้ทุกคนที่เข้าไปรับแจกเงินระบะวัตถุประสงค์ว่าต้องการนำเงินไปทำอะไร
ในส่วนของตัวเธอนั้นต้องการนำเงินไปจ่ายค่าเทอมเนื่องจากไม่ต้องการรบกวนแม่ จึงได้ลองสมัครไป เมื่อสมัครไปแล้ว ได้มีแอดมินเพจแจ้งกลับมาว่าหากต้องการรับเงิน 5000 บาทนั้นต้องสมัคร สมาชิก 300 บาท โดยมีบัญชีให้โอนไป
เธอจึงได้โอนเงินไปครั้งแรกเมื่อเวลา 11 นาฬิกาของวันที่ 4 กันยายน หลังจากนั้นแอดมินเพจก็ได้เข้ามาพูดคุยและพยายามแชทพูดจาหว่านล้อมว่าถ้าหากต้องการค่าเทอมเยอะนั้นต้องมีการโอนเงินมาเพิ่มอีกก็จะได้แจกเยอะกว่าคนอื่น เธอจึงได้โอนไปอีกหลายรอบ และกระทั่งยอดเงินโอนครบ 12,000 บาท แอดมินบอกว่าถ้าโอนมาอีก เป็นยอด 15,000 บาท จะสามารถถอนเงินได้ 30,000 บาท
เวลา 16.55 น. เธอจึงตัดสินใจไปยืมเงินเพื่อนหลายคนรวมกันโอน แล้วแอดมินก็เงียบหายไปทั้งคืนเธอจึงคิดว่าถูกหลอกแล้วจึงได้มาบอกผู้เป็นแม่ ซึ่งเมื่อแม่ของเธอทราบเรื่องก็ตกใจ และได้ปรึกษากันพากันมาร้องเรียนตำรวจให้ตรวจสอบเพราะเชื่อว่ามีเด็กอีกหลายคนที่ถูกหลอก อย่างไรก็ตามเด็กหญิงคนดังกล่าวฝากเตือนไปยังนักเรียน เด็กหรือเยาวชนว่าอย่าเชื่อกับเพจที่บอกว่าแจกเงินฟรี ไม่มีอะไรที่ได้ฟรีในโลกนี้ให้ดูเธอเป็นตัวอย่าง ต้องการหาเงินมาเป็นค่าเทอมเพื่อแบ่งเบาภาระพ่อแม่ แต่กลับต้องมาถูกหลอก
ส่วนเพจดังกล่าวนั้นขณะนี้ยังไม่ทราบว่าเด็กหญิงคนดังกล่าวได้มาแจ้งความกับตำรวจศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศตำรวจภูธรภาค 5 ยังคงแชทมาหาเด็กทางข้อความในเฟซบุ๊กเรื่อยๆเพื่อหลอกให้เด็กโอนเงินให้อีก
ขณะที่ทางตำรวจได้มีการรับเรื่องไว้และมีการสอบปากคำเด็กอย่างละเอียดก่อนจะตรวจสอบไปยังเพจดังกล่าวและจะเร่งติดตามมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด
วันที่ 5 กันยายน เด็กนักเรียนหญิงอายุ 17 ปี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนเอกชนชื่อดัง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ นำหลักฐานแชทการพูดคุยและสลิปการโอนเงินผ่านบัญชี เข้าร้องเรียนกับตำรวจศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศตำรวจภูธรภาค 5หลังถูกแก็งมิจฉาชีพหลอกให้โอนเงินออนไลน์เพียงวันเดียวเสียเงินไปทั้งหมด 15,000 บาท
เด็กหญิงวัย 17 ปี ผู้เสียหายเล่าว่า หลังสถานการณ์โควิด 19 แพร่ระบาดได้มีการเปิดให้เรียนออนไลน์ประกอบกับเธอได้มีการเล่นเฟซบุ๊คได้มีเพจๆหนึ่งเด้งขึ้นมาหน้าเฟซและบอกว่าแจกเงินฟรีให้ทุกคนที่สนใจเข้ามากดไลค์กดแชร์และจะแจกเงินด้วยบอกว่าให้ทุกคนที่เข้าไปรับแจกเงินระบะวัตถุประสงค์ว่าต้องการนำเงินไปทำอะไร
ในส่วนของตัวเธอนั้นต้องการนำเงินไปจ่ายค่าเทอมเนื่องจากไม่ต้องการรบกวนแม่ จึงได้ลองสมัครไป เมื่อสมัครไปแล้ว ได้มีแอดมินเพจแจ้งกลับมาว่าหากต้องการรับเงิน 5000 บาทนั้นต้องสมัคร สมาชิก 300 บาท โดยมีบัญชีให้โอนไป
เธอจึงได้โอนเงินไปครั้งแรกเมื่อเวลา 11 นาฬิกาของวันที่ 4 กันยายน หลังจากนั้นแอดมินเพจก็ได้เข้ามาพูดคุยและพยายามแชทพูดจาหว่านล้อมว่าถ้าหากต้องการค่าเทอมเยอะนั้นต้องมีการโอนเงินมาเพิ่มอีกก็จะได้แจกเยอะกว่าคนอื่น เธอจึงได้โอนไปอีกหลายรอบ และกระทั่งยอดเงินโอนครบ 12,000 บาท แอดมินบอกว่าถ้าโอนมาอีก เป็นยอด 15,000 บาท จะสามารถถอนเงินได้ 30,000 บาท
เวลา 16.55 น. เธอจึงตัดสินใจไปยืมเงินเพื่อนหลายคนรวมกันโอน แล้วแอดมินก็เงียบหายไปทั้งคืนเธอจึงคิดว่าถูกหลอกแล้วจึงได้มาบอกผู้เป็นแม่ ซึ่งเมื่อแม่ของเธอทราบเรื่องก็ตกใจ และได้ปรึกษากันพากันมาร้องเรียนตำรวจให้ตรวจสอบเพราะเชื่อว่ามีเด็กอีกหลายคนที่ถูกหลอก อย่างไรก็ตามเด็กหญิงคนดังกล่าวฝากเตือนไปยังนักเรียน เด็กหรือเยาวชนว่าอย่าเชื่อกับเพจที่บอกว่าแจกเงินฟรี ไม่มีอะไรที่ได้ฟรีในโลกนี้ให้ดูเธอเป็นตัวอย่าง ต้องการหาเงินมาเป็นค่าเทอมเพื่อแบ่งเบาภาระพ่อแม่ แต่กลับต้องมาถูกหลอก
ส่วนเพจดังกล่าวนั้นขณะนี้ยังไม่ทราบว่าเด็กหญิงคนดังกล่าวได้มาแจ้งความกับตำรวจศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศตำรวจภูธรภาค 5 ยังคงแชทมาหาเด็กทางข้อความในเฟซบุ๊กเรื่อยๆเพื่อหลอกให้เด็กโอนเงินให้อีก
ขณะที่ทางตำรวจได้มีการรับเรื่องไว้และมีการสอบปากคำเด็กอย่างละเอียดก่อนจะตรวจสอบไปยังเพจดังกล่าวและจะเร่งติดตามมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด