ลดอีก! โควิดไทยติดเชื้อรายใหม่ 9,869ราย เสียชีวิต92ราย หายป่วย11,152 ราย ด้าน “ศบค.มท.” สั่งทุกจว.เตรียมความพร้อมฉีดวัคซีนไฟเซอร์นักเรียน อายุ 12 ปีขึ้นไป ส่วน “จิงโจ้” ไม่รอแล้ว สั่งซื้อยาเม็ด “โมลนูพิราเวียร์” ที่กำลังเป็นกระแสฮิตฮอต 3 แสนโดสสู้โควิด เมื่อวันที่ 5 ต.ค.64 ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานยอดผู้ติดเชื้อโควิดถ-19 รายใหม่ จำนวน 9,869 ราย จำแนกเป็น ติดเชื้อรายใหม่ 9,596 ราย ติดเชื้อภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 273 ราย รวมยอดผู้ป่วยสะสมมีจำนวน 1,628,368 ราย หายป่วยกลับบ้านได้11,152 ราย มีเสียชีวิตเพิ่ม92 ราย รวมยอดเสียชีวิตสะสมมีจำนวน 17,109 ราย ด้าน นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย (มท.) ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับการสั่งการและประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยว่า ขณะนี้ กรมควบคุมโรคได้แจ้งแนวทางการดำเนินงานเตรียมความพร้อมให้บริการวัคซีนPfizerสำหรับนักเรียนและนักศึกษา อายุ 12 ปี ขึ้นไป ที่ศึกษาอยู่ในระดับมัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า โดยศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงมหาดไทย(ศบค.มท.) ได้แจ้งไปยังผู้ว่าฯทุกจังหวัดพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามแนวทางฯ ของกรมควบคุมโรค ให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล และศบค. เพื่อให้เกิดการปฏิบัติในระดับพื้นที่อย่างต่อเนื่อง สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ทางการออสเตรเลียภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน เปิดเผยถึงการสั่งซื้อยาเม็ดต้านไวรัสโควิด-19 ขนาน “โมลนูพิราเวียร์ จาก “เมอร์ค แอนด์ โค” บริษัทยาและเวชภัณฑ์รายใหญ่ในสหรัฐฯ จำนวน 300,000 โดส โดย นายกรัฐมนตรีมอร์ริสัน กล่าวว่า การสั่งซื้อยาดังกล่าวจะช่วยให้ประชาชนชาวออสเตรเลียทุกคน สามารถใช้ชีวิตร่วมกับโควิด-19 ได้ ซึ่งคาดว่าออสเตรเลียจะได้รับยาโมลนูพิราเวียร์จากเมอร์คฯ ในราวต้นปีหน้า รายงานข่าวแจ้งว่า บรรดาผู้เชี่ยวชาญแสดงทรรศนะต่อยาโมลนูพิราเวียร์ขนานนี้ว่า จะช่วยลดโอกาสป่วยหนัก หรือเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ได้ลงถึงร้อยละ 50 ในกลุ่มผู้มีความเสี่ยงว่าจะมีอากาารป่วยรุนแรงจากการติดเชื้อไวรัสโควิด ขณะที่ สถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดฯ ในพื้นที่ประเทศต่างๆ ทั่วโลก ปรากฏว่า ยังคงลุกลามอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ล่าสุด มีจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 236,189,721 ราย ส่วนผู้ป่วยที่เสียชีวิตมีจำนวน 4,823,359 ราย และผู้ป่วยที่รักษาหายมีจำนวนสะสม 213,253,643 ราย