เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี นายสวัสชัย กุลศิริวัฒน์ ครูสอนดำน้ำ(ไดฟ์มาสเตอร์) กับนายภาวิต นิลยนิมิต นักดำน้ำฟรีไดฟ์วิ่งและช่างภาพ ได้นำนักดำน้ำลึก (Scuba Diver) และนักดำน้ำฟรีไดฟวิ่ง (Free Diver) กว่า 20 คน ลงดำน้ำบริเวณกองหินชุมพร ที่เป็นกองหินใต้น้ำขนาดใหญ่ 4 กองและเป็นจุดดำน้ำที่ดีที่สุดสวยงามแห่งหนึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะเต่า มีระดับน้ำความลึกสูงสุดที่ 40 เมตร ช่วงเช้าถึงบ่ายวันที่ 30 ก.ย.64 ซึ่งทั้งหมดโชคดีได้มีโอกาสได้ดำน้ำกับฉลามวาฬใหญ่ ขนาดลำตัวยาวประมาณ 3-4เมตร เป็นฉลามวาฬวัยรุ่น จากการประเมินขนาดตัวที่น้อยกว่า 9 เมตรของนักชีววิทยาทางทะเล คาดว่ามีอายุเฉลี่ยอยู่ประมาณ 20-35 ปี
ทั้งนี้ ฉลามวาฬใหญ่ดังกล่าวได้ว่ายวนเวียนบริเวณกองหินชุมพรตั้งแต่เช้าถึงบ่าย ซึ่งนักดำน้ำกลุ่มได้ถ่ายเก็บภาพความประทับใจครั้งนี้ไว้เป็นจำนวนมาก
นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า นับเป็นความโชคดีของนักดำน้ำกลุ่มนี้ที่มีโอกาสได้ดำน้ำกับปลาที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดในโลก ซึ่งที่เกาะเต่าผู้ประกอบการท่องเที่ยวและประชาชนถือเป็นนักอนุรักษ์ที่หวงแหนช่วยกันดูแลทรัพยากรธรรมชาติตลอดมา ทำให้บนเกาะเต่าและใต้ท้องทะเลยังคงสภาพอุดมสมบูรณ์
ฉลามวาฬ เป็นดัชนีชี้วัดได้ว่า ท้องทะเลอ่าวไทย มีความอุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะบริเวณกองหินสำคัญ เช่น กองหินชุมพร หินใบ กองตุ้งกู ที่พิสูจน์ได้ว่า การคุ้มครองบริเวณพื้นที่กองหินเพื่อปกป้องทรัพยากรปะการัง แหล่งอนุบาลและที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำขนาดเล็ก นี้ประสบความสำเร็จอย่างน่าชื่นชม
“สำหรับเกาะเต่าเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวหลักแห่งหนึ่งของ จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งขณะนี้เกาะเต่าได้เปิดการท่องเที่ยวตามมาตรการใหม่ของรัฐบาล โดยผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสหรือผ่านการตรวจATKไม่พบเชื้อแล้วสามารถเข้าท่องเที่ยวได้ ” นายวิชวุทย์ กล่าว
ข่าวแจ้งว่า สำหรับฉลามวาฬ หรือ Whale Shark มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Rhincodon typus จัดอยู่ในวงศ์: Rhincodontidae เป็นกลุ่มปลา (Fish) เช่นเดียวกับฉลามเสือดาว ฉลามกบ ตัวเต็มวัยมีขนาด 5.5-12 เมตร จัดเป็นปลาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ฉลามวาฬตัวใหญ่ที่สุดที่เคยมีการบันทึก มีความยาวถึง 20 เมตร หนัก 42 ตัน หากินด้วยการกรองแพลงก์ตอนและสัตว์ทะเลตัวเล็กๆ เป็นอาหาร โดยใช้การอ้าปากกรองน้ำทะเลราว 5,000 ลิตรต่อชั่วโมง ผ่านซี่กรองของเหงือก เป็นชนิดที่ออกลูกเป็นตัว ได้มากถึงครั้งละ 300 ตัว ในน่านน้ำไทยพบทั้งทางฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน
ปัจจุบันฉลามวาฬ ได้รับการขึ้นบัญชีเป็นสัตว์ป่าสงวนตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 และประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง ห้ามทำการประมงฉลามวาฬ ตามพระราชกำหนดการประมง กำหนดให้ฉลามวาฬเป็น “สัตว์ห้ามจับหรือนำขึ้นเรือ” มีโทษปรับสามแสนถึงสามล้านบาท และกฎหมายระหว่างประเทศ คือ CITES หรือ อนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์
ขอบคุณภาพ นายภาวิต นิลยนิมิต นักดำน้ำฟรีไดฟ์วิ่ง