สำหรับยูโทเปีย คอร์ปอเรชั่น (Utopia Corporation: UC) หนึ่งในผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่สุดในภูเก็ต เผยความสำเร็จไตรมาส 1-3 ปี 2564 ย้ำยังมั่นใจเดินหน้ารุกตลาดอสังหาฯ ภูเก็ตไตรมาสสุดท้ายปีนี้ ด้วยการทุ่มเงิน 816 ล้านบาท ลุยโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง ด้วยผลงานการพลิกโฉมที่พักอาศัยรูปแบบที่แตกต่างและสร้างสรรค์ ตอกย้ำความแข็งแกร่งการดำเนินธุรกิจ โดยวางแผนเปิดตัว 2 อภิมหาโครงการแลนด์มาร์คใหม่ บนทำเลทองทั้งเหนือและใต้ของเกาะภูเก็ต ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของทุกกลุ่มลูกค้า โดยนายฮาชิ หยิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ยูโทเปีย คอร์ปอเรชั่น ได้สะท้อนแผนการดำเนินงานได้อย่างน่าสนใจ ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า นายฮาชิ หยิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ยูโทเปีย คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ช่วง 3ไตรมาสของปี 2564 แม้จะเป็นช่วงวิกฤตแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ ยูโทเปีย คอร์ปอเรชั่น ยังคงเดินหน้าด้วยการเปิดขายโครงการอย่างต่อเนื่อง ด้วยการใช้เทคโนโลยีสุดล้ำที่พัฒนาขึ้นโดย Zeus Teknology บริษัทในเครือยูโทเปีย คอร์ปอเรชั่น เพื่อรองรับการนำเสนอและประชาสัมพันธ์โครงการ ทั้งภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว ภาพ 360 องศา ไปจนถึงกระบวนการในการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า กระบวนการขาย และบริการหลังการขาย โดยที่ลูกค้าไม่ต้องมาดูที่พื้นที่จริง ส่งผลให้สามารถปิดการขายได้ถึง 132 ยูนิต ภายในไตรมาส 1-3 ที่ผ่านมา กวาดรายได้ถึง 438 ล้านบาท (Year to Date) รวมถึงยอด Backlog อีกกว่า 491 ล้านบาท โดยตั้งเป้าทำรายได้เพิ่มขึ้นอีก 10% ภายในไตรมาส 4 ของปีนี้ ด้วยการบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจัดเป็นอัตราที่สูงน่าพอใจในช่วงสถานการณ์ปัจจุบัน โดยปีนี้ ยูโทเปีย คอร์ปอเรชั่น ได้จ่ายผลตอบแทนโปรแกรมเช่าสำหรับนักลงทุนถึง 354 ล้านบาทตามเป้า สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของโครงการในเครือ ที่สามารถสร้างโอกาสให้กับนักลงทุนอย่างมั่นคง แม้ในช่วงเศรษฐกิจผันผวน ขณะที่ทิศทางการดำเนินงานในไตรมาส 4 ของปี 2564 ยังคงสร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยระดับคุณภาพในราคาที่คุ้มค่าทั้งแนวสูงและแนวราบ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตยุค New Normal ด้วยพื้นที่ขนาดกว้างขวาง ครบครันด้วยฟังก์ชั่นการอยู่อาศัยที่สะดวกสบายและทันสมัย รายล้อมไปด้วยธรรมชาติ มีพื้นที่กลางแจ้ง ให้ผู้พักอาศัยได้เพลิดเพลินกับวิถีชีวิตที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพที่ดีทั้งกายและใจ สอดคล้องกับดีมานด์ของผู้ซื้อในปีนี้ ที่ต้องการมีบ้านพักตากอากาศ หรือบ้านหลังที่สอง ในจุดหมายปลายทางเมืองรีสอร์ทที่เต็มไปด้วยคุณภาพชีวิตที่ดีมากขึ้น โดยโครงการของยูโทเปียฯ ที่ตั้งอยู่ทั่วเกาะภูเก็ต สามารถตอบโจทย์การอยู่อาศัยที่มีคุณภาพได้อย่างครบถ้วน รวมถึงการพัฒนาอย่างรวดเร็วของภูเก็ต อาทิ โรงเรียนนานาชาติ ความเชี่ยวชาญทางการแพทย์ และโครงสร้างพื้นฐานดังกล่าว น่าจะมีส่วนทำให้อุปสงค์ต่อที่อยู่อาศัยในภูเก็ตเพิ่มขึ้นอีกด้วย รุกตลาดทั้งไทยและต่างประเทศ ซึ่ง นายฮาชิ กล่าวว่า ปีนี้ยูโทเปีย คอร์ปอเรชั่น ได้วางแผนรุกตลาดทั้งไทยและต่างประเทศ ด้วยการจัดงานสัมมนาและRoadshow เพื่อส่งเสริมการขาย และให้ความรู้เกี่ยวกับการลงทุนในประเทศไทยกับผู้ซื้อชาวต่างชาติ โดยในไตรมาส 4 นี้ได้เตรียมจัดงานสัมมนาในประเทศจีน 16 เมือง รวม 48 งาน, ฮ่องกง (4 งาน), สหรัฐอเมริกา (8 งาน), สหราชอาณาจักร (London Property Show) และกรุงเทพฯ รวมถึงร่วมมือกับธนาคารออมสิน จัดทำโครงการเพื่อผลักดันการลงทุนในประเทศไทยให้มากขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ ยูโทเปีย คอร์ปอเรชั่น ยังเดินหน้าพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยอย่างเต็มกำลัง บนทำเลศักยภาพทั่วเกาะภูเก็ต โดยปัจจุบัน บริษัทฯ ได้พัฒนาโครงการไปแล้วถึง 10 โครงการ รวมจำนวนทั้งสิ้น 2,000 ยูนิต ครอบคลุมพื้นที่ก่อสร้างรวม 120,000 ตารางเมตร ด้วยมูลค่าลงทุนกว่า 8 พันล้านบาท และในปีนี้ ได้ทุ่มทุนอีกกว่า 816 ล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ ยูโทเปีย ถลาง (Utopia Thalang) โครงการบ้านใกล้กับหาดไม้ขาว ออกแบบตกแต่งภายใต้ธีม เซน (Zen) ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก และ ยูโทเปีย ยามู (Utopia Yamu) โครงการที่อยู่อาศัยสุดหรูคอนเซปต์โมร็อกโก ตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันออกของเกาะภูเก็ต ใกล้กับอ่าวปอแกรนด์มารีน่า สำหรับแผนการพัฒนาของ ยูโทเปีย คอร์ปอเรชั่น ยังรวมถึง 2 อภิมหาแลนด์มาร์คใหม่มูลค่ากว่า 4 พันล้านบาท บนทำเลทองทั้งเหนือและใต้ของเกาะภูเก็ต ได้แก่ Bay of Icons จุดหมายปลายทางใหม่ที่จะเป็นที่ต้องการของนักลงทุนและนักเดินทางระดับไฮเอนด์จากทั่วโลก ตั้งอยู่บน อ่าวปอ ชายฝั่งทางเหนือของเกาะภูเก็ต ครอบคลุมพื้นที่ริมทะเลโดยรอบอ่าวปอแกรนด์มารีน่า กว่า 20 ไร่ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หรูหราอย่างแท้จริง และ Entertainment Complex ยูโทเปีย ดรีม (Utopia Dream) โครงการที่ผนวกรวมพื้นที่เพื่อการพานิชย์และที่อยู่อาศัย ที่จะผุดขึ้นในย่านในหาน ชายฝั่งทางใต้ของเกาะภูเก็ต อาณาจักรแห่งการพักผ่อนที่จะเต็มไปด้วยสีสันความสุขและกิจกรรมบันเทิงระดับโลก โดยจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ภายในปี 2568 เพื่อเป็นการสร้างความมั่นคงและความแข็งแกร่งในอนาคต