โควิดไทยติดเชื้อ12,353เสียชีวิต125 "บิ๊กตู่" จ่อถกศบค.ชุดใหญ่เคาะ "ต่อพรก.ฉุกเฉิน-ลดเวลาเคอร์ฟิว4 ทุ่ม ถึงตี 4 ส่วน "รองโฆษกฯ"เผยกทม.ฉีดวัคซีน "นร.-กลุ่มเสี่ยง" กว่า 2,000 ราย ไม่พบผลข้างเคียง ยันรัฐบาลเดินหน้าฉีดนักเรียน สร้างความปลอดภัยในสถานศึกษาเริ่มต.ค.นี้ เมื่อวันที่ 26 ก.ย.64 ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รวม 12,353 ราย จำแนกเป็นผู้ป่วยจากระบบเฝ้าระวังฯ 10,809 ราย จากการค้นหาเชิงรุก 1,000 ราย ภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 532 ราย และมาจากต่างประเทศ 12 ราย รวมยอดผู้ป่วยยืนยันสะสม 1,532,775 ราย หายป่วยกลับบ้านได้14,305 ราย และมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม125 ราย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมศบค.ชุดใหญ่ ครั้งที่ 15 / 2564 ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ในฐานะผอ.ศบค.เป็นประธานในวันที่ 27 ก.ย.นี้ จะมีการพิจารณาการขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร การปรับมาตรการป้องกันและควบคุมโรค การปรับมาตรการผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักรและหลักเกณฑ์ แผนงานและแนวทางการเปิดพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว แผนการให้บริการวัคซีนในเดือนต.ค.-ธ.ค.64 และแผนการบริหารจัดการวัคซีน ปี 65 อย่างไรก็ตามประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามคือ จะมีการเสนอให้ลดระยะเวลาการห้ามออกนอกเคหสถาน หรือลดเวลาเคอร์ฟิวจากเดิม ตั้งแต่เวลา 21.00 น. จนถึงเวลา 04.00 น.ของวันรุ่งขึ้น ลดเหลือเป็น ตั้งแต่เวลา 22.00 น. จนถึงเวลา 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น ส่วนน.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยว่า รัฐบาลเตรียมครามพร้อมการฉีดวัคซีนไฟเซอรให้แก่นักเรียน นักศึกษา ที่มีอายุ 12-18 ปี ทุกคนกว่า 4.5 ล้านคน โดยเริ่มฉีดเดือนต.ค.64 เพื่อให้เด็กมีความปลอดภัย และเตรียมความพร้อมรองรับกรณีที่อาจจะมีการเปิดภาคเรียน โดยกทม.ได้รายงานการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ที่คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช มีนักเรียน/เยาวชน กลุ่มเสี่ยง 7 โรคในกทม.ได้รับ 1 เข็ม จำนวน 1,681 ราย และได้รับครบ 2 เข็ม จำนวน 614 ราย ไม่พบการรายงานผลข้างเคียง