หนุ่มขอนแก่น เปิดตัวเมนูสุดชิค “ซาลาเปาก้อยเสือคั่ว-ซาลาเปาก้อยหมูคั่ว” 1 เดียวในอีสาน อาหารจานด่วนสไตล์อีสานพื้นบ้าน อิ่มอร่อยได้ทั้ง 3 เวลาในราคาไม่แพง เจ้าตัวเผยคิดค้นสูตรเกือบ 6 เดือน จนได้ข้อสรุปสูตรเด็ดที่ทุกคนต้องลองมาชิม
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 22 ก.ย.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าพบร้านอาหารสุดชิค สไตล์ฟู้ดทัคส์ ให้บริการอยู่ภายในโรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ฝั่ง ตึก สว.และห้องตรวจผู้ป่วยเด็ก ด้านล่างอาคารอุบัติเหตุฉุกเฉิน ที่ได้รับความสนใจจากผู้ที่ชื่นชอบอาหารอีสานและผู้ที่ชื่นชอบเมนูสุดชิค แบบจานด่วน รับประทานได้ง่าย ทยอยกันมาเลือกซื้ออาหารของทางร้านอย่างต่อเนื่อง ซึ่งร้านดังกล่าวชื่อร้าน “หมูดา-พาหิว” ซึ่งหากดูเผินๆ จะเป็นร้านจำหน่ายข้าวเหนียว-หมูปิ้งและแจ่วบอง ธรรมดาทั่วไป แต่จุดเด่นที่ร้านได้คิดค้นและทำขึ้นมาและได้รับความนิยมจากผู้ที่ชื่นชอบอาหารอีสานและผู้ที่ชื่นชอบอาหารจานด่วนแบบรับประทานได้ง่ายในราคาไม่แพง คือเมนูซาลาเปาก้อยเสือคั่ว และซาลาเปาก้อยหมูคั่ว ที่ร้าน ทำสดๆใหม่ๆ อัดแน่นด้วยวัตถุดิบแบบล้นทะลัก นึ่งใหม่ๆสดๆร้อนๆ ส่งกลิ่นหอมยวนยั่วไปทั่วทั้งบริเวณเลยทีเดียว
นายอัครพล คัชรินทร์ เจ้าของร้านหมูดา พาหิว หรือที่รู้สึกกันในชื่อร้านโจ๋น จ.ขอนแก่น กล่าวว่า เดิมเปิดร้านจำหน่ายอาหารอีสาน ชื่อร้าน “โจ๋น” ซึ่งปัจจุบันเปิดให้บริการอยู่ 2 สาขา ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น ขณะที่ร้านหมูดา พาหิว เป็นการปรับรูปแบบการจำหน่ายอาหารจากสถานการณ์โควิดที่เกิดขึ้น ที่ร้านต้องปิดการให้บริการตามคำสั่งของ ศบค. ซึ่งทางร้านก็ปฎิบัติตามมาตรการของรัฐบาลอย่างเข้มงวดและแม้ว่าขณะนี้ร้านจะกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งแบบนิวนอมอลแต่ลูกค้ายังคงนิยมที่จะซื้อกลับไปรับประทานที่บ้านหรือเลือกใช้บริการแบบเดลิเวอรี่มากกว่า จึงมีแนวคิดที่จะทำอย่างไรในการปรับรูปแบบอาหารอีสานแบบปกติทั่วไปมาเป็นอาหารอีสานแบบจานด่วน อิ่ม อร่อย ราคาไม่แพงและรับประทานได้ทั้ง 3 เวลา และที่สำคัญต้องสด ใหม่สะอาด ถูกสุขลักษณะและรับประทานแบบร้อน จึงนำเมนูเด่นของร้านโจ๋น ที่เป็นที่ชื่นชอบของคนขอนแก่น คือ ก้อยเสือคั่วและก้อยหมูคั่ว ที่ลูกค้าถามหาตลอดเวลา มาปรับเป็นเมนูอาหารจานด่วนที่รับประทานได้ง่ายในราคาไม่แพง
“ วันหนึ่งผมทานซาลาเปาทั่วไป ก็คิดว่าทำไมเราไม่เอาก้อยเสือคั่วและก้อยหมูคั่วสูตรเด็ดของทางร้าน มาทำเป็นไส้ซาลาเปา ตั้งแต่นั้นมาย้อนหลังไป 6 เดือน จึงเริ่มทดสอบซาลาเปา แทบทุกชนิดที่มีจำหน่ายในประเทศไทย มาใส่ไส้สูตรเด็ดของร้านผม ซึ่งยอมรับว่าผมและครอบครัว ชิมซาลาเปากันจนท้องอืดเลยทีเดียว เพราะแป้งซาลาเปาบางตัวก็ไม่เหมาะกับไส้ของเรา หรือรสชาติของไส้ก็ไม่เหมาะกับแป้ง จนกระทั่งวันนี้สูตรเด็ดของก้อยเสือคั่วและก้อยหมูคั่ว นั้นลงตัวกับแป้งซาลาเปาของเราอย่างมาก ที่เรียกได้ว่าอร่อยมากอยากให้ทุกท่านได้มาลองชิม เพราะนอกจากวัตถุดิบ ที่สดใหม่ สะอาด ปรุงรสแบบวันต่อวัน เน้นหลักสุขอนามัยและคุมเข้มด้วยมาตรฐานความปลอดภัยด้านสาธารณสุขจากสถานการณ์โควิดอย่างครบถ้วน ทำให้การผลิตซาลาเปาทั้ง 2 ไส้นั้นสามารถทำมาจำหน่ายได้เพียงวันละประมาณ 50 ลูกของแต่ละไส้เท่านั้น”
นายอัครพล กล่าวต่ออีกว่า เมื่อทุกอย่างลงตัว การนำสินค้ามาจำหน่ายหากกลับไปจำหน่ายที่ร้านโจ๋น ดังเดิมก็คงไม่สามารถที่จะดำเนินการได้ จึงปรับแนวทางการจำหน่ายแบบวิถีใหม่นิวนอมอล ด้วยการผลิตภัณฑ์มาจำหน่ายในจุดที่มีผู้บริโภค ซึ่งเมื่อ รพ.ศรีนครินทร์ เปิดให้ผู้ประกอบการอาหารแบบฟู้ดทัค นำสินค้ามาเสนอเพื่อเข้ารับการประเมินและคัดเลือกให้มาจำหน่าย ซึ่งร้านฯก็ได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการฯ ในการนำอาหารอีสานแบบทานง่าย อย่างข้าวเหนียว หมูปิ้ง แจ่วบอง และคอหมูย่าง มาจำหน่ายแล้วยังคงมีซาลาเปาก้อยหมูคั่วและซาลาเปาก้อยเสือคั่ว มาจำหน่ายอีกด้วย ซึ่งสูตรเด็ดของร้านนั้นคือก้อนเสือคั่วและก้อยหมูคั่ว ต้องปรุงให้สุก และปรุงตามสูตรของร้านแบบวันต่อวัน เมื่อมาถึงร้าน ก็นำแป้งซาลาเปามาใส่ไส้ และอบในตู้อบซาลาเปา ด้วยความร้อนประมาณ 60 องศาเซลเซียส ประมาณ 5 นาทีเท่านั้น ความระอุของตู้อบ มาผสมกันความเหนียวนุ่นของแป้งซาลาเปา กับไส้ซาลาเปาสูตรเด็ดเฉพาะของร้าน เพียงแต่เปิดฝา ความหอมยวนยั่วชวนให้น้ำลายไหลก็คละคลุ้งไปทั่วทั้งบริเวณเลยมีเดียวทำให้ลูกค้าเดินทางมาสอบถามถึงซาลาเปาดังกล่าวและเลือกซื้อเพื่อรับประทานกันอย่างต่อเนื่องเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามร้านฯเปิดให้บริการทุกวัน หยุดเฉพาะวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 07.00-14.30 น. ในราคาลูกละ 35 บาท 3 ลูก 100 บาท เท่านั้น