สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายกเทศมนตรีของกรุงเวียงจันทน์ เมืองหลวงของ สปป.ลาว ประกาศบังคับใช้มาตรการปิดพื้นที่ หรือล็อกดาวน์ ในเขตกรุงเวียงจันทน์ เป็นเวลา 2 สัปดาห์ ซึ่งมีผลตั้งแต่ต้นสัปดาห์นี้เป็นต้นไป เพื่อควบคุมสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ภายหลังจากพบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ในชุมชนของกรุงเวียงจันทน์ จำนวน 467 ราย เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นตัวเลขสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของสปป.ลาว และนับเป็นอีกครั้งที่สปป.ลาว ประกาศล็อกดาวน์กรุงเวียงจันทน์ หลังจากเคยสั่งล็อกดาวน์มาแล้ว เมื่อช่วงเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา พร้อมกันนี้ ทางการสปป.ลาว ยังมีคำสั่งห้ามการเดินทางในพื้นที่อีก 7 จังหวัด ภายหลังจากผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่เป็นจำนวนมากเช่นกัน ส่วนผู้ที่จะเดินทางเข้ากรุงเวียงจันทน์ จะต้องกักโรคเป็นเวลา 4 วัน จึงจะได้รับอนุญาตให้เข้ามาได้ โดยมาตรการล็อกดาวน์ดังกล่าว ส่งผลให้ประชาชนไม่สามารถรวมกลุ่มได้ ห้ามออกกำลังกายนอกบ้าน ห้ามขายสินค้าริมทาง รวมถึงงดประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ยกเว้นไปซื้ออาชหาร ยา และโรงพยาบาล ซึ่งหากผู้ใดฝ่าฝืนก็จะต้องถูกปรับเป็นเงิน 3 ล้านกีบ (คิดเป็นเงินไทยราว 10,000 บาท) สำหรับ สถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในสปป.ลาว มีผู้ป่วยติดเชื้อสะสมจำนวน 19,399 ราย มากเป็นอันดับ 146 ของโลก ส่วนผู้ป่วยที่เสียชีวิตมีจำนวน 16 ราย และผู้ป่วยที่รักษาหายมีจำนวนสะสม 5,568 ราย ทางด้าน ความคืบหน้าการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 แก่ประชาชน ทางการได้ฉีดไปแล้วจำนวน 4.5 ล้านราย ส่วนใหญ่เป็นวัคซีนขนานซิโนฟาร์มที่จีนบริจาคให้ และขนานไฟเซอร์ที่ได้รับบริจาคผ่านโครงการโคแวกซ์