หลังจากที่ นายประสงค์ บุญเขียน วัย 40 ปี หรือ นายกานต์ เจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยของมูลนิธิปฐมบรมราชานุสรณ์ ราชบุรี นามเรียกขาน นุสรณ์ 107 เสียชีวิตภายในบ้านเลขที่ 21/1 หมู่ที่ 4 ต.เจดีย์หัก อ.เมือง จ.ราชบุรี เมื่อช่วงเวลาประมาณ 02.00 น. ของวันนี้ (18 ก.ย.64) หลังจากไปฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 แอสต้าฯ ที่โรงยิมเนเซี่ยมราชบุรี เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 17 ก.ย.64 ที่ผ่านมา ส่วนศพของนายประสงค์ นั้นถูกนำส่งไปตรวจพิสูจน์ที่นิติเวช โรงพยาบาลราชบุรี เพื่อหาสาเหตุของการเสียชีวิต แพทย์ลงความเห็นระบบไหลเวียนโลหิตล้มเหลว ทำให้เสียชีวิต วันที่ 19 กย. 64 นายแพทย์ธนบุญ ประสานนาม รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชบุรี และเป็นนายแพทย์ประจำศูนย์ฉีดวัคซีน โรงยิมเนเซียมราชบุรี พร้อมนายจำนงค์ จันทร์วงศ์ ปลัดอำเภอเมืองราชบุรี และนางสาวกุลวลี นพอมรบดี ส.ส.ราชบุรี เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ ได้เดินทางเข้าเยี่ยมและให้กำลังใจกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตที่บ้าน ซึ่งจะใช้เป็นสถานที่จัดงานศพของนายประสงค์ ด้วย โดยได้พบกับนางน้อย บุญเขียน แม่ผู้ตายที่ยังอยู่ในอาการโศกเศร้าร้องไห้ตลอดเวลา ซึ่งหน่วยงานที่เดินทางก็ช่วยกันปลอบใจ ซึ่งนางน้อยไม่สามรถทำใจได้และบอกว่า ถ้าไม่ให้ลูกไปฉีดวัคซีนเมื่อวาน วันนี้ลูกชายก็คงไม่ตาย ซึ่งยังทำใจยอมรับกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ ด้านนายแพทย์ธนบุญ ประสานนาม รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชบุรี กล่าวว่าวันนี้มาเยี่ยมให้กำลังใจและมาประสานเรื่องของการเยียวยาช่วยเหลือ โดยนัดให้ทางญาติของผู้ตายได้นำเอกสารไปขอรับการช่วยเหลือจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพในวันอังคารที่จะถึงนี้ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับผลชันสูตรศพ เพราะถ้าการไปฉีดวัคซีนทุกประเภทภายใน 1-30 วันมีอาการ ก็จะต้องมีการช่วยเหลือเยียวยา ทุกเคส ส่วนเคสที่มีผู้เสียชีวิตหลังฉีดวัคซีนในรายนี้ถือเป็นรายแรกของจ.ราชบุรี ซึ่งจะต้องดำเนินการช่วยเหลืออยู่แล้ว ส่วนการฉีดวัคซีนนั้นก็จะต้องมีการประเมินความเสี่ยงจากเจ้าหน้าที่ว่าจะต้องเว้นระยะห่างแค่ไหน ถ้าฉีดซิโนแวค 2 เข็ม ก็จะต้องเว้นระยะห่าง 1 เดือนถึงจะฉีดแอสต้า ได้ ส่วนอาการข้างเคียงจะพบได้ในผู้ที่ฉีดวัคซีนทุกชนิดแต่ส่วนใหญ่จะมีผลข้างเคียงน้อย แต่จะหนักที่วัคซีนแอสต้า เพราะใช้ชิ้นส่วนของตัวไวรัสมาทำเป็นวัคซีน แต่อาการเหล่านี้จะหายภายใน 3 วัน ผลข้างเคียงที่หนักนั้นจะพบน้อยมาก ซึ่งใจ.ราชบุรี ก็เพิ่งจะพบในรายนี้เป็นรายแรก ซึ่งเห็นใจในครอบครัวผู้สูญเสีย แต่อย่างไรก็ดีต้องรอผลชันสูตรจากแพทย์ก่อนว่าผลออกมาเป็นอย่างไร ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องของการเยียวยา ส่วนนางสาวกุลวลี นพอมรบดี กล่าวว่า วัคซีนทุกตัวมีผลข้างเคียง แต่ก็ไม่อยากให้ประชาชนกลัวการที่จะไปฉีดวัคซีน เพราะถ้าไม่ฉีดวัคซีนอาจจะมีติดโควิด ซึ่งจะมีอาการมากกว่า รวมทั้งอาจจะติดเชื้อลามไปถึงครอบครัวด้วย ซึ่งอาจจะถึงกับเสียชีวิตมากกว่า จึงอยากจะให้ทุกท่านไปฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันไว้ดีกว่า นอกจากนี้ นายสมควร บุญเขียน อายุ 43 ปี พี่ชายของผู้ตายก็บอกว่าตอนแรกนั้นไม่ทราบว่าน้องชายจะไปฉีดวัคซีนเข็ม 3 มีแต่แม่เท่านั้นที่รู้ ซึ่งน้องเป็นคนแข็งแรงมากพอมาฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ทำให้น้องต้องตาย ตอนนี้ทางครอบครัวก็ยังทำใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ และอาจจะไม่ไปฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 กันทั้งบ้าน เนื่องจากทุกคนที่บ้านนั้นฉีดวัคซีนเข็มแรกไปทุกคนแล้ว เพราะรู้สึกกลัว และไม่อยากให้เหตุการณ์นี้ไปเกิดขึ้นกับครอบครัวของใครอีก การสูญเสียบุคคลในครอบครัวนั้นไม่มีอะไรมาทดแทนได้ ส่วนศพของน้องชายนั้นจะนำกลับมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้าน อย่างไรก็ดีหลังจากแพทย์ได้แพทย์ได้ชันสูตรผู้เสียชีวิต ซึ่งในเบื้องต้นระบุว่าผู้เสียชีวิตนั้นระบบไหลเวียนโลหิตล้มเหลว ทำให้เสียชีวิต