แม้ภายใต้การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 สายการบินไทยเวียตเจ็ทยังคงขยายฝูงบินและเครือข่ายเส้นทางบินอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันสายการบินฯ มีเครื่องบินในฝูงบินทั้งสิ้น 16 ลำ ประกอบไปด้วย เครื่องบินแบบแอร์บัส A320-200 จำนวน 10 ลำ และเครื่องบินแบบแอร์บัส A321-200 จำนวน 6 ลำ ซึ่งล่าสุดได้รับรับมอบเครื่องบินแบบแอร์บัส A321-200 ทะเบียน HS-VKR เป็นเครื่องบินลำที่ 16 สู่ฝูงบิน เดินหน้าเพิ่มขนาดฝูงบินรองรับแผนขยายเครือข่ายเส้นทางบินภายในประเทศและระหว่างประเทศด้วยระยะเวลาเพียง 5 ปี นับตั้งแต่การก่อตั้งอย่างเป็นทางการในปี 2559 โดยสามารถขยายขนาดฝูงบินจาก 3 ลำเป็น 16 ลำ หรือคิดเป็นอัตราร้อยละ 433 เป็นการเน้นย้ำความสำเร็จของสายการบินในฐานะ สายการบินโลว์คอสต์ที่เติบโตเร็วที่สุดแห่งปี 2020 (จากนิตยสาร โกลบอล บิสซิเนส เอาท์ลุค กรุงลอนดอน) นายวรเนติ หล้าพระบาง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยเวียตเจ็ท กล่าวว่า ขณะนี้ ไทยเวียตเจ็ทได้วางแผนขยายเครือข่ายเส้นทางบินทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ โดยเพิ่มจำนวนเครื่องบินเข้าสู่ฝูงบิน พร้อมทั้งยังสรรหาบุคลากรเพิ่มเติมให้กับองค์กรเพื่อรองรับการดำเนินงานและพร้อมให้บริการในทุกภาคส่วน ทันทีที่มีการเปิดพรมแดนระหว่างประเทศ ไทยเวียตเจ็ทจะเป็นสายการบินชั้นนำในยุคหลังสิ้นสุดการระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ตั้งเป้าเป็นผู้นำในการฟื้นฟูอุตสาหกรรมการบินทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ สำหรับฝูงบินของสายการบินไทยเวียตเจ็ทมีอายุเฉลี่ย 4.5 ปี จึงเป็นฝูงบินเครื่องบินพาณิชย์ที่มีอายุน้อยและทันสมัยที่สุดในโลก โดยมีอัตราการตรงเวลา (On Time Performance Rate: OTP) อยู่ที่ร้อยละ 97.29 อัตราความน่าเชื่อถือทางเทคนิคร้อยละ 99.73 และให้บริการผู้โดยสารรวมแล้วเกือบ 10 ล้านคน ปัจจุบัน สายการบินไทยเวียตเจ็ทได้กลับมาให้บริการในทุกเส้นทางบินบนเครือข่ายเส้นทางบินภายในประเทศของสายการบิน ได้แก่เที่ยวบินจากกรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) สู่ เชียงใหม่ เชียงราย ภูเก็ต กระบี่ อุดรธานี หาดใหญ่ ขอนแก่น นครศรีธรรมราช อุบลราชธานี และสุราษฎร์ธานี และเส้นทางบินข้ามภูมิภาคจากภูเก็ต สู่เชียงราย เชียงใหม่ และอุดรธานี รวมทั้งเส้นทางบินตรงจากหาดใหญ่ สู่เชียงราย พร้อมเตรียมเปิดให้บริการในเส้นทางบินระหว่างประเทศ ระหว่างกรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) สู่ สิงคโปร์และไทเป และเส้นทางบินตรงจากภูเก็ต สู่สิงคโปร์